ตอนนี้ให้ยาดีที่สุดที่มีอยู่ เดิมให้ยาอยู่3ตัว แต่ผู้ป่วยแพ้ยา2ตัว มีผลข้างเคียงทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เลยต้องถอนยาทั้งสองตัวนี้ออก เหลือเพียงตัวเดียว คือ ฟลาวิราเวีย ซึ่งเป็นยาที่ทั่วโลกใช้กันในการรักษา เป็นยาที่รับมาจากประเทศจีน ซึ่งในกระบวนการรักษา ตอนแรกคิดว่าอาจจะต้องสกัดแอนติบอดี้จากลูกชายมารักษาแม่ ตอนนี้คิดว่าคงไม่จำเป็น เพราะการนำพลาสมามาสกัดก็ไม่ได้ง่าย ต้องผ่านกรรมวิธีการต่างๆ อีกมาก ซึ่งทางสภากาชาดก็จะเก็บข้อมูลเป็นฐานข้อมูลเพื่อการทำวิจัยต่อไป
"ตอนนี้ก็ถือว่าอาการดีขึ้นแต่ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ แต่เมื่อไรที่ถอดเครื่องช่วยหายใจ ทางหมอถึงจะคลายความเป็นห่วงลงได้ เพราะการใส่ท่อช่วยหายใจบางทีก็ทำให้เกิดการติดเชื้ออื่นๆ ด้วยได้ แต่ตอนนี้เราก็ให้ยาครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นด้วย ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่6ที่เป็นสามีของผู้ป่วยรายที่5ตอนนี้สบายดี ไม่มีอาการอะไรเลย ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่เจ็บคอ ถ้าครบ14วันก็น่าจะหายดี"
ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่นกล่าวอีกว่า ยอมรับว่า เรามีความรู้น้อยเกี่ยวกับโรคนี้มันเป็นโรคใหม่ จริงๆ มันมีปัจจัยขึ้นอยู่กับ3อย่างก็คือ หนึ่งร่างกายคนเรา อย่างคุณป้าแกมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานและความดันด้วย ก็เลยจะมีผลทำให้แกเป็นหนักหน่อย แต่รายที่6สามีคุณป้า แม้จะอายุมากกว่า แต่แข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว ร่างกายก็สู้กับเชื้อได้ ข้อสองก็คือรับเชื้อมามากแค่ไหน คนรับมามากอาการก็จะรุนแรง หรือรับเชื้อในลักษณะที่มันแอกทีฟเร็วก็จะมีอาการมาก ข้อสามก็คือ เรื่องของสภาพแวดล้อมต่างๆ และการรักษา นี่ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อาการจะหนักหรือเบา กรณีของคุณลงคนที่6ก็เป็นไปได้ว่า ร่างกายอาจจะมีแอนติบอดีเหมือนกับลูกชาย ซึ่งถ้าครบ14วันแล้วเราก็จะนำเลือดไปตรวจอีกครั้ง อันนี้เป็นกฎของกระทรวงสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยทุกคน หลังจากครบ14วันเมื่อหายแล้ว เราจะตรวจเลือดอีกครั้ง