3 กลุ่มแรงงานไทยแห่กลับบ้านก่อน "รอมฎอน"
ด่านพรมแดนสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส กลายเป็นจุดผ่านแดนที่มีปัญหามากที่สุดในการรับแรงงานไทยที่ตกค้างในมาเลเซียกลับประเทศ แม้รัฐบาลจะผ่อนผันให้ข้ามแดนได้วันละ 100 คน ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมาก็ตาม แต่ปรากฏว่าจำนวนผู้เดินทางข้ามแดนโดยถูกกฎหมาย กลับน้อยกว่ากลุ่มที่หลบหนีข้ามแดน
จนถึงขณะนี้มีแรงงานในมาเลเซียที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศไทย แยกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
1. กลุ่มที่มีเอกสารครบ และข้ามแดนผ่านช่องทางด่านสุไหงโกลกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กลุ่มนี้แม้รัฐบาลจะอนุญาตให้ข้ามแดนได้วันละ 100 คน แต่จำนวนผู้เดินทางจริงมีราวๆ ครึ่งหนึ่งเท่านั้น (ตัวเลข ณ วันที่ 20 เมษายน คือ 44 คน จากที่ได้รับอนุญาต 100 คน)
กลุ่มนี้เมื่อข้ามแดนมาแล้วจะมีกระบวนการตรวจโรคและคัดกรองอย่างละเอียด ก่อนส่งเข้ากระบวนการกักกันเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน ณ ศูนย์กักกันในภูมิลำเนาของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้2. กลุ่มที่ไม่มีเอกสารไม่ครบ หรือไม่มีเอกสารอะไรเลย มีแต่หนังสือเดินทางไทย หรือบัตรประจำตัวประชาชนยืนยันว่าเป็นคนไทยเท่านั้น กลุ่มนี้ใช้วิธีลักลอบข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ บ้างก็พยายามหนี บ้างก็ยอมให้จับกุม เพื่อเสียค่าปรับ 800 บาท และเข้ากระบวนการกักกันสังเกตอาการ 14 วัน
3. กลุ่มที่เอกสารไม่ครบ ไม่มีชื่อลงทะเบียน ไม่ได้รับอนุญาตให้ข้ามแดนได้ จึงไปออกันที่หน้าด่านทั้งฝั่งมาเลเซียและไทย เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ผ่อนผันให้ข้ามแดน เนื่องจากช่วง 1-2 วันก่อนหน้านี้ มีการผ่อนผันให้ข้ามแดนได้ เพราะเจ้าหน้าที่เกรงว่าหากไม่ผ่อนผันให้ คนเหล่านี้จะใช้วิธีลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่งหากเล็ดลอดไปได้ อาจนำเชื้อโควิด-19 กลับไประบาดในชุมชน ส่งผลเสียหายร้ายแรงกว่า
สำหรับแรงงานกลุ่มที่ 2 (พวกหลบหนีเข้าช่องทางธรรมชาติ) เจ้าหน้าที่จับกุมได้ทุกวัน เริ่มจากวันที่ 18 เมษายน จับกุมได้ 294 คน วันที่ 19 เมษายน จับกุมได้ 300 คน และวันที่ 20 เมษายน จับกุมได้ 122 คน รวม 3 วันช่วงเปิดด่าน จับกุมผู้ลักลอบข้ามแดนได้แล้วกว่า 700 คน
จากจำนวนผู้ลักลอบข้ามแดนที่มีจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่เกรงว่าอาจมีคนลักลอบเข้าเมืองได้โดยไม่ถูกจับกุม จนอาจกลับไปเป็นผู้แพร่เชื้อในชุมชนของตนเองนั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจผ่อนผันให้แรงงานไทยที่มีเอกสารไม่ครบ สามารถเดินทางข้ามแดนได้ผ่านช่องทางปกติ ด่านพรมแดนสุไหงโกลก โดยกลุ่มนี้ข้อมูล ณ วันที่ 20 เมษายน มีราวๆ 800-1,000 คน และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้บรรยากาศตามแนวชายแดนเป็นไปอย่างตึงเครียด เพราะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีแทรกตัวเข้าไปปลุกระดมกับคนที่พลาดหวังเดินทางข้ามแดน โดยมีการโจมตีให้ร้ายรัฐบาลไทย ส่งผลให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ต้องหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน ที่สำคัญยังเกรงว่ายิ่งใกล้ถึงเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอด จะมีคนไทยในมาเลเซียทะลักกลับไทยมากขึ้นจนรองรับไม่ไหว ซึ่งทางจุฬาราชมนตรีได้ประกาศให้มีการดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ในวันที่ 23 เมษายนนี้แล้ว