เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการค้าชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาเงียบเหงาอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภายหลังจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงรายได้สั่งปิดด่านแม่สาย เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 ทำให้การซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภคของประชาชน 2 ฝั่งหยุดชะงักจนมีผลต่อการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในพื้นที่ จากปกติในปี 2562 มีมูลค่าการนำเข้าและส่งออกผ่านได้ศุลกากรแม่สาย มากถึง 11,646 บาท
นางสาวผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าชายแดนไทย-เมียนมาอย่างหนัก เพราะจังหวัดเชียงรายได้สั่งปิดด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก แห่งที่ 1 ทำให้การเข้าออกของประชาชนทั้ง 2 ประเทศหยุดชะงัก นั่นหมายถึงว่า การค้าขายสินค้ารายย่อยของ 2 ประเทศได้รับผลกระทบตามไปด้วย มีผลให้ระบบการหมุนเวียนเศรษฐกิจหยุดการเคลืื่อนไหวทั้งหมด เนื่องจากด่านแม่สายเป็นประตูหน้าด่านสำคัญของไทยไปสู่เมียนมา และแม้ว่าจะมีการเปิดด่านพรมแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก แห่งที่ 2 แต่ก็ไม่อนุญาตให้บุคคลเข้าออก จะมีเพียงรถขนส่งขนาดใหญ่ที่นำสินค้าเข้าผ่านพิธีการศุลกากรเท่านั้น
ทางหอการค้ามองว่า ระยะเวลาของการคุมเข้มการเข้าออกประเทศเกือบจะครบ 1 เดือนแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ไม่มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอแม่สาย อีกทั้งปัจจุบันนี้ ทางเมียนมาได้มีมาตรฐานในการคัดกรองคนภายในประเทศ และตามแนวชายแดนก็มีความพร้อมในการคัดกรองการเข้าออกของประชาชนในจุดต่างๆ รวมทั้งมีการประกาศเคอร์ฟิว
โดยล่าสุด มีการประกาศเคอร์ฟิว3เมืองใหญ่อย่างเนปิดอว์, มัณฑะเดย์ และย่างกุ้ง ซึ่งต้องเชื่อมั่นว่าทางเมียนมามีมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19เช่นเดียวกันไทย
และมีมาตรการคุมเข้มการเคลื่อนย้ายของคนในเมืองต่างๆ
ดังนั้น อยากวิงวอนให้รัฐบาลได้เห็นใจผู้ประกอบการ และประชาชน ทั้ง 2 ฝ่ายที่ต้องมีการทำการค้าร่วมกัน โดยขอให้ยกระดับมาตรการการคัดกรองของ 2 ประเทศทำงานคู่ขนานกัน และหากว่ายังมีข้อกังวล ก็อยากให้ผ่อนผันให้การค้าเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ โดยอาจจะกำหนดเวลาเปิด-ปิด หรือจำกัดจำนวนคน เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างปลอดภัย และจะทำให้เศรษฐกิจชายแดนเดินหน้าต่อไปได้ แต่หากว่ายังมีการล็อคด่วน์อยู่แบบนี้ จะกระทบถึงขั้นเศรษฐกิจล่มสลายได้
"ในแต่ละปีการค้าขายชายแดนของไทย-เมียนมา ผ่านด่านแม่สายเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าปีละ 10,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยไม่สามารถซื้อขาย และค้าขายกันได้ตามปกติ เพราะมันผิดจากหลักความเป็นจริง ซึ่งหากว่ายังไม่เร่งพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่การค้าขายจะอยู่ในภาวะดิ่งเหวแล้ว ยังจะมีผลกระทบต่อรายได้ของแต่ละครัวเรือน เพราะเมื่อธุรกิจชายแดนหยุดชะงัก ก็มีผลกระทบเป็นลูกโซ่เกิดการปิดกิจการ ตกงานด้วย" นางสาวผกายมาศ กล่าว