"หมอระวี" เชื่อเมื่อวิกฤตทุกอย่างผ่านไป คนไทยจะดูแลสังคมมากขึ้น

นพ.ระวี มาศมาดล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า ในปี 2563 ถือว่าเป็นปีที่หนักหนาสาหัสสำหรับคนไทย ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตตั้งแต่ต้นปีไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม น้ำแล้ง พิษเศรษฐกิจ ไฟป่าจนทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 ปกคลุมทั้งประเทศจนเกินค่ามาตรฐาน ต่อด้วยไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดหนักไปทั่วโลกจนมียอดผู้เสียชีวิตนับหมื่นราย ซึ่งก่อนไวรัสตัวนี้จะเริ่มมาแพร่ระบาดในไทย เรากำลังมีปัญหากับฝุ่น PM2.5 อย่างหนักจนถึงขั้นจะออกมาตรการควบคุมการปล่อยควันของโรงงานอุตสาหกรรม สั่งงดการเผาในที่โล่ง รวมถึงการสั่งห้ามรถเก่าวิ่งในเขตกรุงเทพชั้นใน

ทั้งนี้ นพ.ระวี ยังบอกว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม ในกรุงเทพรวมถึงจังหวัดใหญ่ ๆ มีเกณฑ์เฉลี่ย 51 ขึ้นไปแทบทุกวัน หมายความว่าผู้คนที่ต้องสัญจรบนท้องถนน จะต้องสูดดมควันพิษทำให้ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ในบางรายจะพบว่ามีผื่นแพ้ด้วย ขึ้นอยู่กับปริมาณฝุ่นในแต่ละวัน จนกระทั่งมีไวรัส "โควิด-19" แพร่กระจายไปทั่วโลกจนเข้าสู่ในประเทศไทยจนถึงขั้นวิกฤตในเดือนมีนาคมมีผู้ติดเชื้อนับพันคน ซึ่งนับตั้งแต่ไวรัสนี้เข้ามา ประชาชนเก็บตัวอยู่ในบ้านการใช้รถน้อยลง ทำให้ค่าฝุ่นที่เคยอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 2-3 เดือนแรก ลดลงอย่างมากโดยค่าของฝุ่นในปัจจุบันนี้แทบไม่มีวันไหนเกิน 25 เลย หรือเรียกได้ว่าอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ดีมาก" "ผมไม่ได้มีความสุขกับการที่ฝุ่นลดเพราะไวรัส แต่ในเรื่องร้ายมันยังมีเรื่องดี ๆ หลังจากพ้นวิกฤตครั้งนี้ เราคงได้เรียนรู้อะไรดี ๆ จากมันการได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น ทุกคนรักตัวเองมากขึ้น รักษาความสะอาดมากขึ้น อากาศที่ดีขึ้น มลพิษที่ลดลง ซึ่งหลังจากผ่านพ้นวิกฤตไวรัสครั้งนี้ไปได้ ผมก็ไม่อยากจะกลับไปเจอกับฝุ่น PM2.5 อีก" นพ.ระวี กล่าวอย่างไรก็ตาม นพ.ระวี กล่าวต่อว่า ตนและกรรมาธิการพลังงาน สภาฯ จะศึกษาและผลักดันการใช้ รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ให้สามารถนำมาใช้ในประเทศไทยให้ได้ เพื่อจัดการฝุ่นพิษให้หายไปแบบถาวร เพราะรถยนต์เหล่านี้ไม่ต้องใช้น้ำมัน แต่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนทำให้ไม่เกิดการเผาไหม้แบบไม่สมบูรณ์ เราจะสามารถลดสาเหตุการเกิดฝุ่นไปได้มากกว่าครึ่ง นอกจากจะเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการรักษาเงินในกระเป๋าด้วย ด้วยความที่รถยนต์ไฟฟ้าใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนและเครื่องยนต์ไม่มีความซับซ้อนเหมือนรถในปัจจุบันทำให้การดูแลรักษารถนั้นประหยัดกว่ามาก