"ถึงแม้การตรวจPCR ด้วยวิธีการนำสารคัดหลั่งจากโพรงจมูกไปตรวจหาเชื้อซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ได้รับการเชื่อถือมากที่สุดในขณะนี้แต่อาจจะมีโอกาสที่สารคัดหลั่งที่นำไปตรวจจะมีซากเชื้อที่ตายแล้วปะปนอยู่ ซึ่งยังเป็นพันธุกรรมอยู่จึงทำให้ผลตรวจออกมาเป็นบวก"
นายแพทย์อนุพงศ์ กล่าวด้วยว่า แพทย์ที่รักษาควรเพิ่มวิธีการตรวจด้วยการเพาะเชื้อซึ่งหากนำไปเพาะแล้วเชื้อไม่ขึ้นหรือไม่มีการเจริญเติบโต นั้นอาจหมายความได้ว่าในร่างกายของผู้ป่วยหายแล้วแต่ยังมีซากของเชื้ออยู่ แพทย์จะต้องตรวจหาค่าแอนตี้บอดี้ในร่างกายซ้ำ จนกว่าผลจะเป็นลบ
ทั้งนี้ คุณหมอยอมรับว่าเคสในลักษณะนี้ ถือว่าเป็นข้อมูลใหม่ ที่ทางการแพทย์ยังคงต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป
"ไม่มีใครบอกได้ว่านานมั้ยหรือนานแค่ไหน เพราะเป็นโรคใหม่ที่อุบัติขึ้น เราต้องศึกษาและรักษาจนกว่าผลจะเป็นลบร้อยเปอร์เซ็นต์เพื่อให้ทั้งคู่ออกไปสู่ชุมชนได้อย่างปลอดภัยที่สุด เราไม่อยากให้ไปเสี่ยง นี่คือแนวทางของเราครับ"
ขณะเดียวกันสิ่งที่ยืนยันได้ว่า การติดเชื้อในครั้งนี้ ติดจากแมทธิวไปสู่ ลีเดียเป็นเชื้อต้นตอเดียวกัน จะไม่มีการส่งเชื้อไปมากันและกันแน่สำหรับอาการตอนนี้พ้นจุดอันตรายมาแล้ว อยู่ในช่วงร่างกายฟื้นฟูและผลิตภูมิคุ้มกันเพื่อขจัดไวรัสออกจากร่างกาย จากที่ตรวจเลือดไป ภูมิคุ้มกันจะค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่รู้ว่าภูมิคุ้มกันต้องเยอะระดับไหนถึงจะขับไล่หรือฆ่าไวรัสออกจากร่างกายได้แต่ที่แน่นอนคือภูมิคุ้มกันยิ่งเยอะยิ่งดี