จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลก ยังทะยานไม่หยุด โดยมีผู้ติดเชื้อเกิน 785,700 คน ส่วนผู้เสียชีวิตเกิน 37,800 คน โดยสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อเกิน 163,000 คน ซึ่งยอดสะสมสหรัฐฯ ได้แซงหน้าจีนและอิตาลี กลายเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 มากที่สุดในโลก
ดร.เดบอราห์ เบิร์กซ์ ผู้ประสานงานของทำเนียบขาว ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แถลงว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้ขยายช่วงเวลาการใช้แนวทางปฏิบัติให้ประชาชนทั่วประเทศ เว้นระยะห่างทางสังคมจนถึงวันที่ 30 เมษายน มีขึ้นหลังคณะทำงานได้ทบทวนแบบจำลองทางสถิติ (statistical models) 12 แบบ และยังมีรูปแบบอื่นที่จบลงด้วยตัวเลขเดียวกัน โดยผลการวิเคราะห์ ได้ให้ภาพที่น่ากลัวของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ แม้จะใช้ระยะห่างทางสังคมก็ตาม
มีการประเมินว่า อาจมีคนเสียชีวิตในสหรัฐฯ วันละมากกว่า 2,000 คน ในช่วงกลางเดือนเมษายน ที่ถูกคาดการณ์ว่า เป็นช่วงที่ไวรัสระบาดหนักที่สุด ต้องใช้เตียงผู้ป่วย224,000 เตียง ในวันที่ 15 เมษายน เกินกว่าที่จะมีได้ถึง 61,000 เตียง ซึ่งถือเป็นช่วงการใช้ทรัพยากรสูงสุด และแม้จะขยายระยะห่างทางสังคมไปจนเดือนพฤษภาคม ก็อาจมีคนเสียชีวิตราว 82,000 คน ในเดือนสิงหาคม
ส่วนแบบจำลองที่นำมาใช้ ซึ่งออกแบบโดยสถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ได้วิเคราะห์โดยอ้างอิงข้อมูลจากอิตาลี จีน สหรัฐฯ โรงพยาบาลและองค์การอนามัยโลก โดยใช้ประสบการณ์ในอดีตมาทำนายอนาคต ซึ่งให้ข้อสรุปด้วยว่า "ต่อให้มีมาตรการระยะห่างทางสังคมมาบังคับใช้อย่างยั่งยืน แต่จุดสูงสุดของความต้องการใช้บริการในโรงพยาบาลเพราะการระบาดของโควิด-19 ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเช่นกัน