ในส่วนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวแทนภาคอุตสาหกรรมเอกชนของประเทศ มีเครือข่ายสมาชิกครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรม มีคนงานกว่า 10 ล้านคน กระจายตัวอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น กลุ่มยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก กลุ่มเซรามิก กลุ่มพลังงาน ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ จะมีวิธีสู้วิกฤตโควิด-19 ได้อย่างไร กฤษนะทัวร์ยกล้อสัปดาห์นี้ จึงมาถามไถ่ "สุพันธุ์ มงคลสุธี" ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กันครับ
คุณสุพันธุ์ กล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่หลวงของประเทศไทยและของโลก สภาอุตสาหกรรมฯได้ร่วมแก้ไขเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้น โดยตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ และเร่งหาทางร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตโควิดไปให้ได้ อีกทั้งเร่งหาทางช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และการช่วยเหลือสังคม
เช่น การเร่งผลิตหน้ากากอนามัยให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงการร่วมมือกับรัฐบาลในการบริจาคหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในโรงยาบาลต่างๆ และออกมาตรการในการป้องกันไวรัสโควิดให้กับโรงงานอุตสาหกรรมและสมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
ในส่วนของโรงงานและสถานประกอบการภาคอุตสาหกรรมจะรับมือวิกฤตโควิด-19 อย่างไรนั้น คุณสุพันธุ์มองว่า ปัจจุบันมีคนทำงานอยู่ในภาคอุตสาหกรรมประมาณ 10 ล้านกว่าคน ในบางส่วนอาจมีการหยุดดำเนินงาน เช่น ในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ในอีกหลายส่วนก็ยังปิดไม่ได้ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการบริโภคของประชาชน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมด้านอาหาร ยารักษาโรค หน้ากากอนามัย กระดาษทิชชู เป็นต้น
"อาหาร และยารักษาโรค เป็นสิ่งจำเป็นมากในขณะนี้ ภาคอุตสาหกรรมของเราจะต้องรองรับให้ได้เพียงพอต่อความต้องการ แต่ต้องเข้มงวดเรื่องความสะอาด ปลอดภัย ห่างไกลจากเชื้อโรค โดยเราได้วางมาตรการให้โรงงานต่างๆมีการป้องกันขั้นสูงสุด ให้ทุกคน ทุกโรงงานตระหนักถึงความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน" ประธานสภาอุตสาหกรรมฯกล่าว
นอกเหนือจากการผลิตอาหารที่สะอาด ปลอดภัย ของภาคอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการบริโภคของประชาชนอย่างเพียงพอทั่วถึงแล้ว ประเด็นที่สำคัญมากอีกอย่าง คือ ภาคการขนส่ง หรือ โลจิสติกส์ (logistics) จะต้องทำงานได้ เพราะเมื่อผลิตสินค้าออกมาแล้ว แต่ส่งสินค้าไม่ได้ ก็จะเกิดปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้น ต้องจัดการระบบขนส่งในยามวิกฤตให้ชัดเจน ต้องมีระบบการสื่อสารที่ดี และต้องมีความพร้อมอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม เหรียญย่อมมี 2 ด้าน ในทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาส ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ มองว่า โอกาสจากวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ คือ ภาคอุตสาหกรรมจะได้ตระหนักถึงภัยพิบัติใหม่ ซึ่งต้องจัดการปรับองค์กรใหม่ ให้มีระบบการป้องกันภัยที่ดีจากโรคระบาด และการนำเทคโนโลยีการสื่อสารออนไลน์ต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สอดคล้องกับกระแสแนวคิดการทำงานที่บ้าน หรือ Work from home ผ่านเครื่องมือสื่อสารออนไลน์ที่กำลังแพร่ขยายไปทั่วโลก
ขณะเดียวกันในบางอุตสาหกรรมก็เป็นโอกาสให้ขายสินค้าได้มากขึ้น. เช่น สินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องมือทางการแพทย์ และยารักษาโรค รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มที่หันมาผลิตหน้ากากอนามัย อุตสาหกรรมเครื่องสำอางก็หันมาผลิตเจลล้างมือ ดังนั้น ทุกองค์กรจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด
ในแง่การดูแลสุขภาพ และการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคระบาดโควิด-19 นั้น คุณสุพันธุ์ บอกว่า ตั้งแต่มารับตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ตนได้ทำงานเต็มตัว 100 % ส่วนงานธุรกิจของครอบครัวก็ให้ลูกๆรับไปดูแลแทนทั้งหมด ในบทบาทของประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ต้องพบปะผู้คนมากมายในแต่ละวัน แต่ช่วงนี้ ต้องปรับตัวและปรับวิธีในการพบปะผู้คน
โดยเน้นการใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์แทน เช่น การประชุมต่างๆ ก็ใช้ประชุมผ่านระบบออนไลน์ ส่วนพนักงานก็ให้สลับวันกันมาทำงาน เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด และให้ทุกคนมีระยะห่างในสถานที่ทำงานอย่างน้อย 1-2 เมตร ตามคำแนะนำทางการแพทย์เพื่อความปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 เป็นต้น
"ปกติผมก็ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว วิ่งบ้าง ว่ายน้ำบ้าง เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ยิ่งช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้านหนึ่งก็ทำให้คนหันมาสนใจออกกำลังกายดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ช่วงนี้ผมยังเดินทางมาทำงานที่ออฟฟิสของสภาอุตสาหกรรมฯทุกวัน แต่ก็มีตัวช่วยสำคัญคือ ระบบสื่อสารออนไลน์ต่างๆ ซึ่งทำให้การทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขเยียวยาวิกฤตโควิด-19 เป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าเราจะผ่านมันไปได้ในที่สุด" ประธานสภาอุตสาหกรรมฯกล่าวทิ้งท้ายด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
รวมพลัง ร่วมแรง ร่วมใจ หยุดวิกฤตโควิด-19 ด้วยความรักและสามัคคีของคนไทยทุกคนครับ