หลายชาติปิดประเทศตัวเองสู้ไวรัสโควิด-19

อย่างนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ที่ภรรยาก็ติดไวรัส และตัวเองก็อยู่ในช่วงของการกักกันโรค บอกว่าจะปิดพรมแดนแคนาดาสำหรับทุกคนที่ไม่ได้เป็นชาวแคนาดา หรือมีถิ่นพำนักถาวร และขอให้ประชาชนทุกคนอยู่แต่ในที่พัก นอกจากนั้นจะมีการจำกัดเที่ยวบินที่จะมายัง 4 เมืองใหญ่ของประเทศด้วย
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาคงของฝรั่งเศสก็ประกาศเรื่องการจำกัดการเดินทางของประชาชน โดยบอกว่าประชาชนได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน หรือไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น เรื่องนี้มีกำหนดระยะเวลา 15 วัน นับตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันของวันนี้  เขาบอกว่าที่ต้องออกมาตรการนี้มา ก็เพราะประชาชนไม่ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ออกมาก่อนหน้า
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ก็เรียกร้องให้ชาวอเมริกันทุกคนอยู่แต่ที่บ้าน หลีกเลี่ยงฝูงชน หรือการไปกินอาหารตามร้านอาหาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในการต่อสู้กับการระบาดไวรัสที่คาดว่าจะรุนแรงมากขึ้น ภายใต้คำแนะนำใหม่ ในช่วง 15 วันนับจากนี้ ประชาชนไม่ควรชุมนุมกันเกินกว่า 10 คน การเรียนหนังสือควรเรียนที่บ้าน ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นและการไปเยี่ยมเยือนทางสังคมครอบครัวใดที่มีคนติดไวรัส ทุกคนควรอยู่แต่ที่บ้าน เขาบอกว่า ถ้าทุกคนปรับเปลี่ยนตัวเองได้ตามนี้ ก็จะเอาชนะไวรัสได้ และก็จะได้ฉลองใหญ่ไปด้วยกัน

ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครนก็สั่งปิดบริการรถไฟใต้ดิน ระงับการขนส่งระหว่างเมืองส่วนใหญ่ รวมถึงบริการรถไฟโดยสารและการขนส่งทางอากาศภายในประเทศ สำหรับบริการรถบัสโดยสารยังคงให้บริการอยู่ แต่จำกัดจำนวนผู้โดยสาร รวมถึงห้ามการชุมนุมเกินกว่า 10 คน ปิดห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และบาร์ทั้งหมด รวมถึงห้ามประชาชนในฝั่งของกล่มกบฎทางตะวันออกของประเทศเข้ามาในยูเครนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ด้านนายพลฮอสเซน ซาลามี นายทหารคนสำคัญของอิหร่านออกมาวิงวอนถึง 3 ครั้ง ขอให้ประชาชนอย่าออกจากที่พักอาศัย การออกมาวิงวอนครั้งนี้มีขึ้นในช่วงที่อิหร่านเตรียมฉลองเทศกาลปีใหม่อิหร่านที่จะเริ่มในวันที่ 20 นี้ ซึ่งตามปกติ ประชาชนจะพากันเดินทางไปเยี่ยมญาติในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ของการฉลอง
ส่วนนายกรัฐมนตรีอังเกล่า แมร์เคิล ของเยอรมนี ก็บอกว่าจะสั่งปิดร้านค้าที่ไม่จำเป็น บาร์ พิพิธภัณฑ์ รวมถึงการมาชุมนุมกันตามโบสถ์ มัสยิด และอื่น ๆ  ซึ่งหลายรัฐของเยอรมันก็ได้ดำเนินมาตรการเหล่านี้ไปก่อนแล้ว นอกจากนั้นการเข้าพักในโรงแรม จะอนุญาตเฉพาะในกรณีที่จำเป็น และไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว
โคโซโวก็ประกาศภาวะฉุกเฉิน มีการประกาศปิดพรมแดนทั้งหมด และระงับการเดินทางของเครื่องบินเข้ามายังสนามบินนานาชาติเพียงแห่งเดียวของประเทศ ระงับงานทางวัฒนธรรมและกีฬาทั้งหมด ปิดร้านกาแฟ  ร้านอาหาร ผับ และห้างสรรพสินค้า และกักโรค 3 เขตเทศบาลที่มีการติดเชื้อ

นายกรัฐมนตรีมูห์ยุดดิน ยัสซิน ของมาเลเซียก็ประกาศล็อคดาวน์ประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อชะลอการระบาดของไวรัสหลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 553 คน โดยในช่วง 2 วันเพิ่มมากถึง 315 คน โดยนับตั้งแต่วันพุธนี้จนถึงสิ้นเดือน สถาบันทางศาสนา โรงเรียน ภาคธุรกิจและรัฐบาลจะปิดทำการ การชุมนุมใหญ่ ๆ จะถูกห้าม และมีแค่บริการที่จำเป็นอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต , ธนาคาร , ปั้มน้ำมัน และร้านขายยาเท่านั้นที่จะเปิดได้ ประชาชนจะถูกห้ามเดินทางไปต่างประเทศ ชาวต่างประเทศจะถูกห้ามเดินทางเข้ามา ชาวมาเลเซียที่กลับมาจากต่างประเทศ ต้องกักโรคตัวเอง 14 วัน เขายังเตือนให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ส่วนอาหารและยา รวมถึงหน้ากากอนามัย ก็บอกว่าจะมีเพียงพอสำหรับทุกคน
ส่วนกรุุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ ก็เริ่มมาตรการเคอร์ฟิว 9 ชั่วโมง ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึงตี 5 ของเมื่อคืนในความพยายามควบคุมการระบาดของไวรัส  ตำรวจมีการตั้งด่านตรวจที่เขตรอบนอกของเมือง เพื่อจำกัดการเดินทางเข้ามาที่ไม่จำเป็น รวมถึงการจัดงานเลี้ยงฉลอง มาชมคอนเสิร์ต หรือการมาเยี่ยมญาติ โดยเมื่อวาน ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตรเต้ ของฟิลิปปินส์ มีคำสั่งให้เกาะลูซอน ซึ่งก็รวมถึงกรุงมะะนิลา อยู่ภายใต้ " การกักกันโรคชุุมชนแบบยกระดับ " ที่กำหนดให้ประชาชนหลายล้านอยู่แต่ที่บ้านเป็นเวลา 1 เดือน ขณะที่งานออฟฟิศจะถูกระงับ ระบบขนส่งสาธารณะจะหยุดให้บริการ ประชาชนได้รับอนุญาตให้ออกไปซื้ออาหารได้ แต่ห้ามการชุมนุม ส่วนธนาคารและโรงพยาบาล จะยังคงให้การบริการตามปกติ นอกจากนั้น ในส่วนอื่น ๆ ของประเทศให้อยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดยมีคำส่งให้นายกเทศมนตรีและเจ้าหน้าที่หมู่บ้านเร่งต่อสู้กับการระบาดของไวรัส