เมื่อเวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาพร้อมด้วย รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุขสาธิต ปิตุเตชะ ได้ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมการเตรียมการด้านสาธารณสุข เพื่อรองรับการรักษาโควิด-19 โดยเฉพาะหากสถานการณ์รุนแรงยกระดับการระบาด ที่โรงพยาบาลราชวิถี
โดยเมื่อมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมเต้นออกกำลังกายกับบุคคลากรทางการแพทย์ จากนั้น ได้ตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองเทอร์โมสแกน บริเวณชั้น 1 ศูนย์การแพทย์ราชวิถี และต่อด้วย ไปตรวจ ห้องตรวจแยกโรคระบบทางเดินหายใจ พร้อมตรวจเยี่ยมห้องผู้ป่วยแยกโรค ผ่านระบบวงจรปิด ที่ตึกอายุรกรรม
โดยการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบกระเช้าให้กำลังใจแก่ตัวแทนญาติผู้ป่วย แพทย์และพยาบาล รวมถึงมอบยาต้านไวรัสฟาวิพิลาเวียร์ ซึ่งองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ติดต่อซื้อจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้แก่โรงพยาบาลของกรมการแพทย์ เพื่อนำไปแบ่งปันให้แก่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร และเครือข่ายโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลศิริราช ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนายารักษาของโรงพยายาลราชวิถี สูตรยาค็อกเทล (Cocktail) ของไทย
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังบอกว่า ขอให้แพทย์และพยาบาลช่วยกันแก้ปัญหา เพราะโรคโควิด-19 ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ของไทย แต่ส่วนตัว เชื่อมั่นว่า ทุกโรงพยาบาล จะรักษาได้ ขณะที่ รัฐบาล ก็มีมาตรการตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะคนที่มาจาก 4 ประเทศ และมีระบบติดตามตัว
โดยภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ตรวจเยี่ยม ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เท่าที่ดูรายงานของแพทย์ ก็เป็นไปตามเกณฑ์ น่าพอใจระดับหนึ่ง พร้อมยืนยัน รัฐบาล ยังควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ ถึงแม้ยอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น โดยเป็นเรื่องปกติ ที่แสดงว่า เราคอนโทรลได้
พล.อ.ประยุทธ์ ยังบอกว่า ตอนนี้ หลายเคส ติดเชื้อมาจากการรวมกลุ่มกัน โดยไม่ระวังตัวเอง ซึ่งคิดว่า ช่วงนี้ ต้องระวังตัวเองให้มาก อย่างบางประเทศ ลดการสัมผัสมือ ขณะเดียวกัน ขอย้ำว่า รัฐบาลมีมาตรการทั้งหมด โดยมีโปรแกรมติดตามตัวแล้ว ส่วนเมื่อเช้า ก็มีการประชุมคณะเล็ก ซึ่งขอให้ทุกคนสบายใจ เพราะตอนนี้ ตัวเลขคนเข้าประเทศลดลงจำนวนมาก โดยมาจากผลประกาศยกเลิกวีซ่า VOA 18 ประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังขออย่าสนใจเรื่องการ ปิด หรือ เปิดศูนย์ควบคุม เพราะยังคงมีอยู่ โดยยืนยันว่า ไม่ใช่ปิดหายไปเลย เพราะหากเกิดอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้ ก็จะมีการนำมาใช้ เนื่องจากคนเข้าออกมีหลายกลุ่ม และยังมีทยอยเข้าตลอด นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำว่า ชื่นชมทุกเพจที่ทำเพื่อสังคม แต่การกล่าวอ้างชื่อ ก็เป็นสิทธิของประชาชน ที่จะฟ้องได้ ซึ่งไม่ใช่นายกฯชื่นชมแล้วไม่ฟ้อง โดยต้องระมัดระวังชื่อบุคคล