เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
รัฐไม่สามารถจัดการ ให้หน้ากากอนามัยมีเพียงพอใช้ภายในประเทศได้ มิหนำซ้ำยังมีผู้ค้าบางรายที่เกร็งกำไรสูง ขายหน้ากากอนามัยกล่องละ 800 - 1,200 บาท สูงกว่าราคาปกติเกือบ 10 เท่า แม้จะมีกฎหมายควบคุมออกมาแต่ก็ยังมีเล็ดลอดขายอยู่ตลอดเวลา โดยผู้บริโภคไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยง หรือมีทางเลือกอื่นได้เมื่อจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยเหล่านี้ทุกวัน
ไม่ต้องพูดถึงคนหาเช้ากินค่ำ พ่อค้าแม่ค้าทั่วไปตามท้องถนน ที่มีรายจ่ายมากอยู่แล้ว จะหาเงินที่ไหนมาซื้อหน้ากากอนามัยแพงๆ หากจะบอกว่าก็รัฐมีแจกฟรีแจก แต่ก็แจกกระจุกตัวอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีการกระจายออกมานอกพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม จริงๆของแบบนี้ถึงเวลาต้องเดินแจกรายบุคคล ให้เป็นกิจวัตรประจำวันได้แล้ว ตามถนนคนเดินห้างสรรพสินค้าทั่วไปได้แล้ว
ปัญหาลุกลามไปถึงคนที่จำเป็นต้องใช้มากที่สุด อย่างโรงพยาบาลเอกชนที่กำลังจะขาดแคลนหน้ากากอนามัย ที่ถูกดีลเลอร์ขายหน้ากากอนามัยปฏิเสธ เพราะขายข้างนอกได้กำไรมากกว่า
เรื่องแบบนี้แทนที่รัฐจะจัดลำดับความสำคัญที่จะขายให้กับโรงพยาบาลเอกชน หรือแก้ปัญหาในทางอื่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็โยนไปที่กระทรวงพาณิชย์ให้แก้ปัญหาดังกล่าว
การโยนปัญหาไปมา สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานในช่วงเวลาวิกฤติ ของรัฐไม่เกิดขึ้นอย่างบูรณาการ และไม่มีเป้าหมายเดียวกัน
ประชาชนจึงรู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก ท่ามกลางวิกฤตไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่กำลังระบาด แม้แต่การจะป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย ยังมีความลำบากยากเย็น มีอุปสรรค ข้อท้าทายมากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่รัฐควรเป็นผู้จัดการปัญหาดังกล่าวให้เรียบร้อยและรวดเร็วที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีสามารถจัดการอะไรได้เลย
หากไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องง่ายๆอย่างหน้ากากอนามัยนี้ได้ ปัญหาอื่นของประเทศนี้รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขได้เช่นเดียวกัน..
ข้อมูลเพิ่มเติม จากผู้เชี่ยวชาญของศูนย์บัญชาการป้องกันโรคติดต่อไต้หวัน ระบุว่า หน้ากากอนามัยแบบผ้าที่ผลิตมาเพื่อการใช้ซ้ำ หากซักทำความสะอาดก็สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ซึ่งก่อนใช้ควรพ่นแอลกอฮอล์เพื่อทำการฆ่าเชื้อโรคก่อน
สำหรับหน้ากากอนามัยที่ใช้ในทางการแพทย์ซึ่งบางชนิดก็มีวางจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปควรใช้เพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่ควรน้ำกลับมาใช้ซ้ำหลายครั้ง แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ให้ทำความสะอาดและพ่นด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคก่อนจึงค่อยนำกลับมาใช้ เพราะจะช่วยลดปริมาณเชื้อโรคให้น้อยลงได้
แต่ถ้าหน้ากากอนามัยมีสารคัดหลั่งประเภท น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ หรือมีการสวมใส่เข้าไปในสถานที่ๆ ที่มีการแพร่ระบาดของโรค แนะนำว่าห้ามนำกลับมาใช้ซ้ำเด็ดขาดเพราะมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรค และเพื่อสุขอนามัยที่ดีควรแยกทิ้งในถังขยะที่ปิดมิดชิดด้วย
#วชิรวิทย์รายวัน