"ธนิกานต์" ไม่แอนตี้แฟลชม็อบ อยากรับฟังความเห็น

นางสาวธณิกานต์พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเดินสายคุยกับกลุ่มนักศึกษา ว่า ทางรัฐสภาเองหรือฝ่ายนิติบัญญัติ มีการขับเคลื่อนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและเยาวชนอยู่แล้ว เนื่องจากเรามีหน้าที่ออกกฎหมายและช่วยในเรื่องการร่างนโยบาย ก็อยากให้ประชาชนหรือเยาวชนที่เป็น future user ได้เข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเขียนกฎหมายจากฝั่งเราเอง 

ซึ่งไม่แน่ใจว่าในอนาคตกฎหมายนี้จะรองรับได้เพียงพอกับความต้องการของโลกหรือคนที่เป็น future user หรือไม่ โดยหลังจากที่ตนเข้าไปเป็นกรรมาธิการ การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ก็ได้ขอตั้งคณะอนุกรรมการการสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนโดยตรง ซึ่งได้ทำไปแล้ว ด้วยการเปิดเวทีที่รัฐสภา โดยรับสมัครน้องๆที่เป็นเยาวชนนิสิตนักศึกษา นำร่องในหัวข้อ"คุณอยากเห็นกรุงเทพเป็นอย่างไร" มีน้องๆมาร่วมเกือบ 300 คน โดยดึงความร่วมมือจากต่างประเทศมาด้วย แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องจำนวนคน ก็จะขยายเวทีต่อไปให้มากขึ้น รวมถึงช่องทางออนไลน์ และกลุ่มที่ไม่สนใจอะไรเลย จะใช้วิธีการที่แตกต่างเข้าหา เพราะเมื่อคุณส่งเสียงออกมาก็มีคนรับฟังจริงๆ และรับรองว่าจะไม่อคติ (บายแอส) เพราะในกรรมาธิการก็มีทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล นักวิชาการ อยู่ด้วยกัน แต่ในอนุกรรมาธิการชุดนี้ยังไม่สามารถตระเวนรับฟังนอกพื้นที่ได้ ต้องขอมติจากกรรมาธิการชุดใหญ่นางสาวธณิกานต์ ยืนยันด้วยว่า เป็นความตั้งใจที่จะรับฟังความคิดเห็นอยู่แล้ว เพียงแต่การประชาสัมพันธ์อาจจะยังไม่ถึง ทำให้คนไม่ทราบว่าการขับเคลื่อนของรัฐสภามีการเปิดรับฟังอยู่แล้วนอกจากนี้ ตนยังเป็นโฆษกอนุกรรมาธิการการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นประชาชน 
ซึ่งอยู่ในคณะของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ก็มีหน้าที่ต้องรับฟังเกี่ยวกับเรื่องของรัฐธรรมนูญโดยตรง โดยจะมีการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังจากประชาชนจากทุกภาคส่วน เอ็นจีโอ ผู้เชี่ยวชาญ เยาวชน แต่ยังเตรียมจัดโรดโชว์ไปตามมหาวิทยาลัย รวมถึงช่องทางออนไลน์ แต่ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยที่ติดต่อไปแจ้งว่าขอชะลอก่อนเพราะมีเรื่องของ โควิท-19 จึงเป็นห่วงความปลอดภัยของนิสิตนักศึกษา ประกอบกับคนที่ทำกระบวนการนี้ก็เป็นสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งมาเป็นผู้อำนวยความสะดวก เพื่อให้ผลที่ออกมาไม่มีอคติ และมีรายงานทางวิชาการเข้ามาสนับสนุน แต่ด้วยการรวมตัวของคนจำนวนมาก ก็คงต้องเลื่อนไปก่อน 
ซึ่งในวันพฤหัสที่ 5 มีนาคมนี้ จะมีการประชุมอีกครั้ง ว่าการเปิดเวทีที่รัฐสภาเป็นไปได้หรือไม่ เพราะอย่างน้อยก็มีระบบการตรวจไข้ที่ดีกว่าข้างนอก ส่วนตอนนี้ถ้าใครอยากแสดงความเห็นให้เข้าช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซด์รัฐสภา หรือมายื่นหนังสือที่รัฐสภาก็ได้เมื่อถามว่า ปรากฏแฟลชม็อบขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเมือง คิดว่าจะได้รับกระเเสตอบรับแค่ไหนในการรร่วมเเสดงความเห็น นางสาวธนิกานต์ บอกว่า อนุกรรมธิการทั้ง 2 คณะ เปิดเวทีมาก่อนเเล้ว มีคนร่วมค่อนข้างมากอยู่แล้ว เวทีนี้น่าจะมีส่วนช่วยให้เสียงของพวกเขาดังมากขึ้น โดยส่วนตัวไม่ได้แอนตี้ที่จะมีแฟลชม็อบ เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพ และถ้าประชาชนและเยาวชนกล้าออกมานำเสนอไอเดีย เมื่อเราจัดเวทีอยู่แล้ว ลองเอามารวมกันดีหรือไม่เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าจริงๆ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ไปไหน ส่วนจะไปสังเกตการณ์หรือตามไปดูในพื้นที่ที่มีแฟลชม็อบหรือไม่นั้น ก็คงต้องถามกลับไปที่ฝั่งของเยาวชนว่าอยากให้กรรมาธิการเข้าไปรับฟังหรือไม่ แต่ใจจริงคือยินดีไปรับฟัง