ความจริงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จบลงไปไม่ใช่เเค่เสียงส.ส.เป็นผู้ลงมติตัดสินชี้ขาดเท่านั้น แต่ชาวบ้านเขาเฝ้ามองพฤติกรรมอยู่ และจะลงคะเเนนตัดสินในคูหาเลือกตั้งครั้งถัดไป เช่นเดียวกับกรณีกระเเสข่าวการปรับครม. จะมีเมื่อไหร่ ไม่สำคัญเท่ามากกว่ารัฐบาลมีหน้าที่รับฟังประชาชนว่ากำลังต้องการอะไร จะนิ่งเฉยไม่ฟังคงไม่ได้ โดยเฉพาะกรณีมีนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวขณะนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ตนได้ทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้เเทนราษฏร เพื่อขอเสนอญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาฯ ตั้งคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาเปิดพื้นที่ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา เข้ามามีส่วนร่วมโดยตรงกับสภาฯ ในการแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม ตามที่ในปัจจุบันได้เกิดปรากฎการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมือง 36 สถาบัน นัดชุมนุมภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย สถานศึกษา
และล่าสุดมีการรวมตัวกันที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เมื่อวันที่ 29 ก.พ. ซึ่งตนคิดว่า กลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ถือเป็นเสียงสวรรค์ เป็นพลังบริสุทธิ์ที่จะผลักดันอนาคต หากยังปิดกั้นหรือแกล้งไม่ได้ยินเสียง การขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาประเทศอาจจะถึงขั้นต้องสะดุดหยุดลง
แต่หากสภาฯเปิดพื้นที่โดยมีตัวเเทนนักศึกษา มาร่วมเป็นกมธ.สถาบันละ 1 คน จะช่วยส่งเสริมวิถีทางตามวิถีทางประชาธิปไตยระบอบรัฐสภา ที่ไม่ต้องให้พวกเขาลงไปทำการเมืองบนท้องถนน ซึ่งจะป้องกันการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีของประชาชน การกระทบสิทธิ์และเสรีภาพของผู้อื่น รวมถึงป้องกันอันตรายที่อาจส่งผลกระทบสุภาพของเยาวขนจากการชุมนุมในที่โล่งแจ้งด้วย เป็นต้น