svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ผู้ถูกเฝ้าระวัง"โควิด-19" รับโดดเดี่ยว แจงไม่ได้ติดเชื้อแต่รับผิดชอบสังคม

27 กุมภาพันธ์ 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดใจผู้ถูกสังเกตอาการ โควิด 19 หลังกลับจากประเทศเสี่ยง ต้องถูกโดดเดี่ยว ไม่ได้กอดลูก ขอให้สังคมรอบข้างเข้าใจหลังสังคมรอบข้างรังเกียจ ถูกโจมตีทางสังคมออนไลน์

จากกรณีที่มีนักศึกษา 51 คน อาจารย์ 6 คน และไกด์ 2 คน รวม 59 คน เดินทางไปทัศนศึกษาที่ประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19  และเดินทางกลับเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา  มีนักศึกษามีอาการไข้ 2 คน จนเป็นกระแสข่าวลือว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อโคโรน่าหรือ โควิด-19 และไม่มีการกักกัน ทำให้เกิดความตื่นตระหนก จนทางโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง ว่า นักศึกษาที่มีไข้ผลตรวจออกมาเป็นลบ ไม่ได้ติดเชื้อโคโรน่า และทุกคนที่ร่วมทัวร์ครั้งนี้ได้มีการปฏิบัติเฝ้าสังเกตอาการตามแผนการกักกัน  โดยหยุดเรียน หยุดปฏิบัติงานโดยไม่ถือเป็นวันลา 14 วัน

โดยอาจารย์ที่ร่วมเดินทางครั้งนี้ได้เปิดเผยทางโทรศัพท์ ว่า ขณะนี้ได้กักกันตัวเองออกจากครอบครัวนับตั้งแต่เดินทางกลับถึงขอนแก่น เมื่อเช้ามืดวันที่ 23 ก.พ. โดยได้ไลน์คุยทำความเข้าใจกับครอบครัว แม้ว่าจะไม่มีอาการไข้ แต่ก็ต้องแยกตัวไม่สัมผัสไม่ใกล้ชิด แม้ว่าจะคิดถึงทุกคน อยากกอดอยากหอมแก้มลูกก็ต้องอดทน จนกว่าจะพ้น 14 วัน   

ผู้ถูกเฝ้าระวังเชื้อ โควิด-19 กล่าวว่า ก่อนที่จะเดินทางทุกคนได้มีการเตรียมความพร้อม แม้ว่าก่อนจะเดินทาง หลายคนอยากถอนตัวแต่สุดท้ายก็ต้องเดินทางไป ซึ่งช่วงนั้นเกาหลีไม่ใช่พื้นที่สีแดง แต่เมื่อเดินทางไปถึงปรากฏมีผู้ติดเชื้อที่เกาหลีเมื่อไปถึงที่นั่น เราก็ได้ไปดูงานในสถานที่ต่างๆ นอกกรุงโซลและต่อมาก็ได้เดินทางเข้าไปที่กรุงโซล เมืองหลวง ข่าวเริ่มแรงจนเป็นพื้นที่เสี่ยง แต่ทุกคนก็ปฏิบัติตัวป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ป้องกันตัวเองทุกจุดล้างมือด้วยเจลเมื่อขึ้นรถลงรถ เข้าห้องน้ำ ซึ่งมีประจำในรถบางคนก็พกติดตัว  ไม่ใช้มือขยี้ตา แคะขี้มูก ถ้าหากไม่มั่นใจความสะอาด ถ้าจะทำก็เอาชายเสื้อด้านในใช้แทน ยิ่งใกล้วันกลับกระแสข่าวยิ่งแรงขึ้น ทำให้กังวลใจว่าคนจะกังวลว่ากรุ๊ปเกาหลีของเราจะเป็นผู้แพร่เชื้อ เมื่อกลับไป    

ผู้ถูกเฝ้าระวัง"โควิด-19" รับโดดเดี่ยว แจงไม่ได้ติดเชื้อแต่รับผิดชอบสังคม

เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกคน พยายามคิดหาวิธีหลากหลายอย่าง รวมทั้งได้ติดต่อประสานกับทางโรงพยาบาลศรีนคินทร์ ในการปฏิบัติตัว อยากเข้าไปให้ทางโรงพยาบาลตรวจและสกรีนให้ทุกคน แต่ทางทางโรงพยาบาลก็ให้คำแนะนำว่า มีที่สนามมีด่านตรวจคัดกรองเข้มงวดแล้ว ระหว่างเดินทางกลับได้ติดบนเครื่องทุกคนจะสวมหน้ากากอนามัยตลอด จนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ยังคงป้องกันตนเอง และทำตามคำแนะนำตามขั้นตอน ตรวจตามจุด ผ่านกล้องจับอุณหภูมิ แต่ก็มีจุดที่กังวล คือที่เครื่องแสกนนิ้วของ จุดตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเครื่องแสกน ไม่มีน้ำยาทำความสะอาด ไม่รู้ใครต่อใครใช้นิ้วกด ไม่มีเจลให้ล้างมือด้วย ในกลุ่มผ่านทุกคนไม่มีเรียกให้ตรวจเพิ่ม เมื่อเสร็จสิ้นก็ขึ้นรถที่จอดรอหน้าประตูขาออกทันที ตนเองไลน์บอกคนในครอบครัวเพราะมีลูกเล็ก ว่าขอแยกตัวไปอยู่ลำพัง โชคดีมีบ้านของตัวเอง  ภรรยาและลูกอยู่บ้านของครอบครัวพ่อแม่ ต้องกันไว้ก่อนเพราะเราอาจจะรับเชื้อมาก็ได้  

จากที่นักศึกษา 2 คน เมื่อเดินทางมาถึงขอนแก่น ได้ไปพบแพทย์ ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ วัดไข้ได้ 37.5 องศาเซลเซียส อีกคนมีไอเจ็บคอ แต่สุดท้ายผลตรวจแลปโควิด-19 ก็เป็นลบทั้ง 2 คน รวมทั้งผลตรวจจากสารคัดหลั่งที่ส่งไปตรวจที่ กทม. ผลก็เป็นลบเช่นกัน ทั้ง 2 คน ที่มีอาการไข้ อาจจะเพราะซึ่งแม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีใครติดเชื้อไวรัสโคโรนา แต่ทุกคนก็จะยังคงปฏิบัติตน กักกันตัวเองออกจากคนอื่น เพื่อสังเกตอาการจนกว่าจะครบ 14 วัน โดยมีการรายงานผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ให้กับทางโรงพยาบาลทุกวัน

ผู้ถูกเฝ้าระวัง"โควิด-19" รับโดดเดี่ยว แจงไม่ได้ติดเชื้อแต่รับผิดชอบสังคม

ผู้ถูกเฝ้าระวัง"โควิด-19" รับโดดเดี่ยว แจงไม่ได้ติดเชื้อแต่รับผิดชอบสังคม

ผู้ถูกเฝ้าระวังเชื้อ โควิด-19 กล่าวต่ออีกว่าจากที่ต้องกักตัวเองอยู่ในบ้านเพียงลำพัง ซึ่งต้องนานถึง 14 วัน ทำให้ต้องพยายามหากิจกรรมทำ เพื่อไม่ให้เกิดความเครียด เพราะคิดถึงลูก ดูภาพยนตร์ ดูสื่อสังคมออนไลน์ และมีหลายคนกังวลว่าเราจะเป็นพาหะ ขณะเดียวกันมีข่าวมาว่าการฟักตัวนานเกือบเดือน ก็ยิ่งทำให้กังวลมากขึ้น ไม่รู้ว่า 14 วันจะพอกับการเฝ้าสังเกตอาการหรือไม่ เพราะห่วงลูกยังเด็กที่ไม่มีภูมิต้านทานและป้องกันตัวเองไม่ได้

ผู้ถูกเฝ้าระวังเชื้อ โควิด-19 กล่าวว่า อยากบอกกับสังคม ว่า เราไม่ได้โดนเชื้อโควิด 2019 แต่ตอนนี้เราโดนบูลลี่ 2020 ผมยังไม่ติดเชื้อแค่กลุ่มเสี่ยง และตอนนี้มีกระแสในสังคมออนไลน์ โพสต์กระหน่ำทั้งอาจารย์ นักศึกษา ตอนแรกก็ไม่กังวล แต่กระแสแรงขึ้น ก็เกิดกังวล ต้องอยู่คนเดียว พบใครก็ไม่ได้ ถูกคนอื่นรังเกียจ ทุกคนกรุ๊ปทัวร์เกาหลี ตอนนี้ต้องอยู่คนเดียว กินอาหารต้องสั่งแกร็บ ถ้าเดินออกไปซื้อใกล้บ้านก็จะสวมป้องกันทุกอย่าง ไม่นั่งทานที่ร้าน จะสั่งกลับไปทานที่บ้าน เพื่อป้องกันทั้งตนเองและคนอื่นด้วย

"ปฏิกิริยาของคนรอบข้าง ยอมรับว่าห่วงกลุ่มนักศึกษา บางคนถูกรังเกียจจากเพื่อนๆ ไม่สังสรรค์ด้วย ส่วนตัวเองก็ยอมรับว่า รู้สึกเครียดเหมือนกันเพราะไม่ได้เจอลูกเลย ไม่รู้ว่าหลัง 14 วันแล้วจะหอมแก้มลูกได้ไหม แต่ละวันก็ใช้เวลาดูหนังไปเรื่อย ๆ แม้จะบอกว่าไม่เครียดแต่ความจริงก็เครียด เพราะเป็นคนไปเสี่ยงมา เราอาจไม่โดนเชื้อโควิด2019 แต่เราโดนบูลลี่ 2020 ทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนแพร่เชื้อ ไม่ได้เป็นพาหะ เราแค่สังเกตอาการเท่านั้น โชคดีตอนนี้ทางผู้บริหารเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในส่วนของนักศึกษาบางคนที่ไม่สามารถออกไปซื้อกับข้าวซื้อของได้ มีคนช่วยซื้อมาส่งให้ ก็ถือว่าช่วยดูแลกันไป"ผู้ถูกเฝ้าระวังเชื้อ โควิด-19 กล่าว

ผู้ถูกเฝ้าระวังเชื้อ โควิด-19 กล่าวทิ้งท้ายว่าจากประสบการณ์ครั้งนี้อยากบอกว่า อยากเห็นคนไทยเรามีวินัยในการป้องกันตนเอง แม้จะใส่หน้ากาก แต่มือเราก็ไปจับอะไรทั่วไปหมด ทั้งกลอนประตู มือจับ ก๊อกน้ำ ปุ่มกดต่างๆ แล้วก็เอามาขยี้ตาขยี้จมูก ไม่ใช่แค่พกหน้ากากแต่ต้องพกถุงมือ หรือมีเจลล้างมือติดไปด้วย และควรหัดนิสัยไม่ขยี้ตาหรือจมูก จะป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด และสำหรับคนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงก็จะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม แยกตัวออกมาสังเกตอาการแม้จะไม่มีอาการไข้ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัว เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนอื่น

ผู้ถูกเฝ้าระวัง"โควิด-19" รับโดดเดี่ยว แจงไม่ได้ติดเชื้อแต่รับผิดชอบสังคม

ผู้ถูกเฝ้าระวัง"โควิด-19" รับโดดเดี่ยว แจงไม่ได้ติดเชื้อแต่รับผิดชอบสังคม

logoline