สาวเล่าประสบการณ์เริ่มกักตัวดูอาการ หลังกลับจากทริปโอซาก้า

ทั้งนี้หลายๆคนและบริษัทต่างๆเรื่มมีการออกมาตรการณ์สำหรับผู้ที่ไปประเทศกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อต้องกักตัว 14 วันเพื่อดูอาการกันมากขึ้น ทั้งคนดังและผู้ที่มีชื่อเสี่ยงที่ไปเที่ยวประเทศกลุ่มเสี่ยงก็เริ่มทยอยกักตัวเองตามมาตรการณ์ดังกล่าวกันแล้ว

ล่าสุด ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้เผยประสบการณ์เป็นลำดับการณ์เตรียมตัวหลังตนเองไปเที่ยวในประเทศกลุ่มเสี่ยงเพื่อเตรียมกักตัวดูอาการ โดยระบุว่า...

กักตัววันที่ 0 ( วันนี้ไม่นับนะ )

1. ก่อนขึ้นเคริ่องวัดไข้ 36.7 ปกติ (วัดทุกวันก่อนมาและระหว่างอยู่ที่ญี่ปุ่น)

2. ขึ้นเครื่องมาจากโอซาก้า ที่นั่งเกือบเต็ม เหลือ ราวราว 3 เปอร์เซ็นต์

3. คนในเครื่องใส่หน้ากากทุกคน บางคนใส่ 2 ชั้น สังเกตได้ว่ามีแต่วัยหนุ่มสาว ผู้สูงอายุและเด็ก แทบไม่เห็นเลยเท่าที่ จจ ดูนะแทบไม่มีแทบไม่มีใครถอดหน้ากากนอนหลับทั้งที่ใส่หน้ากากกัน ถอดตอนกิน

หมายเหตุ... ลงเครื่องมา มีจุดตรวจเดินที่ล่ะคน ถ้ามาไข้ผิดปกติ เจ้าหน้าที่แยกไปวัดไข้ซ้ำอีกครั้ง ถ้าปกติ ผ่านได้ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนค่า ขอบคุณจริงๆ
4. ลงเครื่องเรียกแท็กซี่ ใส่หน้ากากตลอด รีบเข้าบ้านไม่ทักทายใคร

5. เพื่อนบ้าน เอากับข้าว อาหารต่างๆมาแขวนไว้หน้าบ้าน 5555 น่ารักที่สุดนี้ล่ะน้ำใจคนไทย

6. จจ เก็บของ ก่อนเก็บเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ

7. กดสั่งอาการสดผักผลไม้ที่ทิ้งๆก่อนไปเที่ยว ผ่านแอป ท้อป และโลตัส ชำระผ่านบัตรเครดิต

8. ปั๋ว นั่งทำงานต่อ ที่บ้าน

หมายเหตุ. บ. Cdg systems ที่สามีทำงานอยู่ และอีก 6 ในเครือให้ พนักงาน work from home ได้ 14 วันโดยไม่หักวันลาเพื่อเฝ้าระวังและดูอาการ โดยจะมีแบบฟอร์มออนไลน์ให้รายงานผลตรวจสุขภาพตนเองในทุกๆวัน

9. เขียนป้ายไว้หน้าบ้าน ( ส่งของกดกริ่ง แขวนไว้ แล้ว วิ่งหนีไป วิ่งไป ๆๆๆ )

10. ข้าวเย็นกดไลน์แมน ชำระผ่านแอปแล้วให้พนักงานวางไว้ ( ร่างกายต้องการปลาร้า )

จบ. พรุ่งนี้ มานับกักตัววันที่1 เดี๋ยวมารายงาน กักตัวเองเถอะมันไม่ได้ลำบาก มันสะดวก ต่อมห้ลำบากเมิงไปเทร่ยวมาสนุกมีความสุขแล้ว กักตัวเองให้คนอื่นเขามีความสุขปลอดภัยบ้าง
#รณรงค์เที่ยวสนุกแล้วกลับมากักตัวเอง#ไม่เป็นภาระสังคมอีเวร#กักตัวไม่ลำบากอย่างที่คิดทำเถอะอีดอก#ไปเที่ยวไม่แค่ป้องกันตัวเองแต่ป้องกันไม่ให้คนอื่นติดด้วยอย่าเห็นแก่ตัวควัย#ไม่แพร่เชื้อต่อหยุดที่เรา#กักตัวง่ายๆที่บ้านไม่ใช่ปัญหา#ตอนเที่ยวโพสรูปเก๋ๆกลับมาอายไม่ได้นะลูก

ทั้งนี้ได้มีชาวเน็ตแห่เข้ามาชื่นชมกันเป็นจำนวนมาก

.

.

.