นายประเสริฐ ฝ่ายชาวนา พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้หน้ากากอนามัยของประชาชนมีเพิ่มมาก ทำให้หน้ากากอนามัยถูกจัดเป็นสินค้าควบคุม ร้านที่จำหน่ายต้องติดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจน
ที่ผ่านมาหน้ากากอนามัยในพื้นที่อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากประชาชนมีความวิตกในการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา จึงมีการซื้อกักตุนไว้เกินความจำเป็น ปัจจุบันได้ขอความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิต จำนวน 2 แห่งคือ บริษัท ไบโอเซฟ โปรดักส์ จำกัด และ บริษัท ท็อปโฮลซัม จำกัด เพื่อให้เดินเครื่องผลิตเต็มขีดความสามารถ โดยจะสามารถผลิตได้240,000 ชิ้นต่อวัน ขณะที่ในพื้นที่มีความต้องการหน้ากากอนามัยจำนวน 230,000 ชิ้น แต่เนื่องจากทั้ง 2 บริษัท ได้รับออเดอร์ลูกค้าล่วงหน้าไว้จึงจำเป็นต้องผลิตเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า ควบคู่กับผลิตให้กับจังหวัด
ปัจจุบันเชียงใหม่ได้กระจายหน้ากากอนามัยไปแล้วกว่า 40,000 ชิ้น และจะเร่งกระจายให้ครอบคลุมพื้นที่ในลำดับต่อไปให้เร็วที่สุด โดยมีเป้าหมายลำดับแรกเป็นร้านธงฟ้าท้องถิ่นไทย 1 อำเภอ 1 ร้าน เมื่อครอบคลุมแล้ว จะกระจายให้กับร้านค้าอื่นที่ลงทะเบียนไว้ทั้ง 90 ร้านค้า โดยกำหนดให้จำหน่ายในราคา 2.50 บาท คนละไม่เกิน 10 ชิ้น
สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันเชื่อว่า ในพื้นที่มีหน้ากากอนามัยเพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากร้านค้าปลีกของเอกชน ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ที่นำหน้ากากอนามัยมาจำหน่ายให้กับประชาชนด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จังหวัดเชียงใหม่นอกจากจะมีการตื่นตัวในการป้องกันไวรัส โควิด 19 แล้ว ประชาชนยังต้องป้องกันตัวเองจากภาวะฝุ่นควัน PM2.5 ที่ต้องเผชิญในช่วงนี้ควบคู่ไปด้วย ทางจังหวัดจึงได้ออกประกาศแจ้งเตือนผู้ประกอบการร้านค้า ไม่ให้กักตุนสินค้าหรือฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงเกินความจำเป็น หากพบมีการกักตุนหรือจำหน่ายเกินราคา มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ