ล่าสุดทางด้านมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมายอมรับว่าตนเองได้รับหนังสือ อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ แสดงความจำนงต้องการยุติข้อตกดังกล่าวแล้ว แต่ก็บอกว่าตนเองนั้นยังไม่ได้อ่านอย่างละเอียด
มาร์ค เอสเปอร์ ย้ำว่านี่เป็นความโชคร้ายของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ที่เลือกเดินทางผิด แต่ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไม ถึงระบุว่าการกระทำของรัฐบาลฟิลิปปินส์ กับสหรัฐฯ ครั้งนี้ถึงเป็นการเลือกทางเดินที่ผิด นอกจากนั้นเค้ายังได้บอกว่า ตัวเขาเองเพิ่งได้เดินทางเยือนประเทศแห่งนี้ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และตอนนั้นมีความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ด้านนโยบายกลาโหมในระดับทวิภาคีระหว่างสองประเทศยังยังแข็งแกร่ง
ขณะที่ทางด้านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมะนิลาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว ว่าทางด้านสหรัฐฯจะพิจารณาวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อยกระดับ ขับเคลื่อนการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันต่อไป แต่ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นถือเป็นก้าวย่างสำคัญ ซึ่งจะมีผลอย่างแน่นอนต่อความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์
ขณะที่ทางด้านนายทีโอโดโร ล็อกซิน จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวว่าเขาส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ยุติความร่วมมือให้กับสหรัฐฯ ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมะนิลา โดยเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ซึ่งการถอนตัวของฟิลิปปินส์จะมีผลอย่างเป็นทางการภายใน 180 วัน หากทั้งสองประเทศไม่เจรจาร่วมกันเพื่อแก้ไขสถานการณ์ภายในระยะเวลาดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ทางด้าน ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ กับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ซึ่งกำหนดการในเบื้องต้นคือภายในเดือนมี.ค.นี้ ที่สหรัฐฯ และเขายังกำชับว่าเจ้าหน้าที่ทุกระดับในรัฐบาลของเขาไม่ควรเดินทางไปยังประเทศนี้ โดยทางด้านผู้นำฟิลิปปินส์ ให้เหตุผลเพียงว่าเป็นเรื่องทางยุทธศาสตร์และภูมิศาสตร์การเมือง แต่อันที่จริงแล้วเรื่องดังกล่าวนั้นเกิดจากทางด้านดูเตอร์เต ไม่พอใจสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธวีซ่าของ พล.ต.อ. โรนัลด์ เดลา โรซา วุฒิสมาชิกซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ในช่วงเริ่มต้นสงครามยาเสพติด
ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ เป็นบุคคลที่แสดงออกต่อสหรัฐฯ อย่างชัดเจนมาโดยตลอด โดยเฉพาะทางด้านทหาร ที่ไม่ต้องการให้สหรัฐฯแผ่อิทธิพลเหนือฟิลิปปินส์ เหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นหลายครั้งก็สร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐฯ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ก็ไม่เคยสนใจการตอบโต้จากสหรัฐฯ แม้แต่ครั้งเดียวเช่นกัน