จากคำแถลงดังกล่าว มีการให้เหตุผลที่ฟิลิปปินส์ ต้องการยกเลิกเนื่องจากฟิลิปปินส์ มองว่าเวลานี้าถึงเวลาที่ฟิลิปปินส์ต้องยืนหยัดด้วยตัวเองในการป้องกันประเทศ หรือในอีกความหมายหนึ่งคือ ไม่ต้องพึ่งพาใคร
ก่อนหน้านี้ทางด้าน ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ กับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ซึ่งกำหนดการในเบื้องต้นคือภายในเดือนมี.ค.นี้ ที่สหรัฐฯ และเขายังกำชับว่าเจ้าหน้าที่ทุกระดับในรัฐบาลของเขาไม่ควรเดินทางไปยังประเทศนี้ โดยทางด้านผู้นำฟิลิปปินส์ ให้เหตุผลเพียงว่าเป็นเรื่องทางยุทธศาสตร์และภูมิศาสตร์การเมือง แต่อันที่จริงแล้วเรื่องดังกล่าวนั้นเกิดจากทางด้านดูเตอร์เต ไม่พอใจสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธวีซ่าของ พล.ต.อ. โรนัลด์ เดลา โรซา วุฒิสมาชิกซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ในช่วงเริ่มต้นสงครามยาเสพติด
สำหรับการยุติข้อตกลงความร่วมมือทางทหารฉบับดังกล่าวเกิดขึ้นจริง สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ยังเหลือข้อตกลงอีกฉบับ คือสนธิสัญญาด้านกลาโหม และการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านกลาโหม ซึ่งถ้าข้อตกลงฉบับนี้ยังมีผล นั่นก็แสดงว่าสหรัฐฯ ก็ยังคงมีอิทธิพลด้านความมั่นคงในฟิลิปปินส์ต่อไป
แต่สิ่งที่น่าสนใจท่าทีของผู้นำฟิลิปปินส์คนนี้คือไม่ยอมอ่อนข้อให้กับสหรัฐฯ เหมือนผู้นำคนก่อน ๆ ที่ปล่อยให้สหรัฐฯ สามารถที่เข้ามาแสวงหาประโยชน์ทางทหารบนแผ่นดินฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สหรัฐฯ ต้องกลับมาคิดถึงการบริหาร จัดการความสัมพันธ์กับอาเซียนใหม่อีกครั้ง ก็เป็นไปได้