svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ทรัมป์รอดการถูกถอนถอนออกจากตำแหน่ง

06 กุมภาพันธ์ 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ รอดจากการถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง จากกรณีอื้อฉาวเรื่องยูเครนในชั้นวุฒิสภาไปได้อย่างสบายเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ตามที่หลายฝ่ายคาดเอาไว้

กระบวนการลงมติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐออกจากตำแหน่งหรืออิมพีชเม้นต์ โดยวุฒิสภา เปิดฉากขึ้นเมื่อเวลา 4 โมงเย็นตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐ ซึ่งตรงกับเวลาตี 4 ที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย และใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้น ซึ่งงานนี้ ก็เป็นไปหลายฝ่ายคาด คือทรัมป์จะรอดการถูกถอดถอนไปได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากพรรคเดโมแคร็ตไม่สามารถโน้มน้าวให้วุฒิสมาชิกจากฝั่งรีพับลิกันยกมือสนับสนุนการถอดถอนทรัมป์ได้
การที่ทรัมป์ จะถูกถอนถอนออกจากตำแหน่ง พรรคเดโมแคร็ตจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนในวุฒิสภามากถึง 2 ใน 3 ขณะที่ในความเป็นจริง พรรครีพับลิกันมีเสียงในสภา 53 ต่อ 47 เสียง ในสภา 100 เสียง และรีพับลิกันส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนทรัมป์เหมือนเดิม เช่นเดียวกันกับในสภาผู้แทนราษฎรที่ลงมติไปก่อนหน้าให้ถอดถอนทรัมป์
วุฒิสมาชิกลงมติใน 2 ข้อกล่าวหา คือการใช้อำนาจโดยมิชอบ และการขัดขวางสภาคองเกรส ปรากฏว่า ในข้อกล่าวหาแรก ทรัมป์ชนะไปด้วยมติ 52-48 เสียง และในข้อหาที่ 2 ทรัมป์ก็ชนะไปด้วยมติ 53 - 47 โดยในการลงมติ เป็นการลงมติแบบเปิดเผย เจ้าหน้าที่วุฒิสภาจะเป็นคนประกาศว่าวุฒิสภาชิกคนใดเห็นว่าทรัมป์มีความผิดหรือไม่มีความผิด เรียงตามลำดับอักษรของนามสกุล ผลที่ออกมา ชี้ว่าการเมืองสหรัฐยังคงมีการแบ่งแยกเป็นพรรคใครพรรคมันเช่นเดิม 

การเสนอให้ถอดถอนทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐ ออกจากตำแหน่งมีขึ้นจากการที่ทรัมป์ได้ไปกดดันให้ยูเครนเปิดการสอบสวนกรณีการคอร์รัปชั่นในยูเครนต่อโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ซึ่งปัจจุบันเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเขาในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี เพื่อช่วยให้ตัวเองชนะการเลือกตั้ง หลังจากนั้นทรัมป์ก็ยังขัดขวางการสอบสวนของสภา ด้วยการสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลไม่ต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวน 
กระบวนการถอดถอนทรัมป์ เปิดฉากอย่างเป็นทางการเมื่อ 18 ธันวาคม ปีที่แล้ว เมื่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติเรื่องการถอดถอนผู้นำประเทศใน 2 ข้อกล่าวหาคือการใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางสภาคองเกรส และเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติให้ถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งด้วยมติ 230 ต่อ 197 เสียง ในข้อหาแรก และ 229 ต่อ 198 เสียงในข้อหาที่ 2  โดยในทั้ง 2 ข้อกล่าวหา สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาทุกคน ต่างก็ยกมือสนับสนุนทรัมป์ หลังจากนั้น เรื่องจึงถูกส่งต่อมาให้วุฒิสภาตัดสินใจในขั้นสุดท้าย
ก่อนการลงมติ วุฒิสมาชิกมิตต์ รอมนี่ย์ พรรครีพับลิกันจากรัฐยูท่าห์ อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2555 เป็นคนเดียวที่ประกาศว่าจะไม่สนับสนุนทรัมป์ในข้อกล่าวหาใช้อำนาจในทางมิชอบ และเชาก็ลงมติตามนั้น ทำให้เขาเป็นวุฒิสมาชิกคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐที่โหวตให้ถอดถอนประธานาธิบดีจากพรรคเดียวกัน

ในประวัติศาสตร์สหรัฐ ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐคนที่ 3 เท่านั้นที่ต้องเจอกับกระบวนการถอดถอน ซึ่งในการลงมติถอดถอนประธานาธิบดีบิล คลินตัน ปี 2542 และแอนดรูว์ จอห์นสัน ปี 2411 ซึ่งต่างก็มาจากพรรคเดโมแคร็ตทั้งคู่ ก็ไม่ปรากฏว่ามีวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแคร็ตคนใด ยกมือให้ถอดถอนคนทั้งสอง

logoline