svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

เปิดราคาค้างคาวในจีน แพงกว่าโคอาล่า 7 เท่า

28 มกราคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จากสถานการณ์ที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กำลังแพร่ระบาดในจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ล่าสุดจีนต้องออกคำสั่งห้ามค้าขายสัตว์ป่าชั่วคราวจนกว่าการแพร่ระบาดจะยุติ

แต่อะไรที่ทำให้ทั่วโลกเชื่อว่าไวรัสตัวนี้มาจากการบริโภคสัตว์ป่า และสัตว์ป่ากว่าร้อยชนิดที่ขายทั่วไปตามตลาดของจีนมีราคาเท่าไหร่ 

ในขณะที่ทั่วโลกกำลังติดตามอย่างใกล้ชิดต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน ที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตในจีนและผู้ติดเชื้อในหลายประเทศเพิ่มมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่อยู่ในความสนใจ คือ ต้นตอของเชื้อโรค และหลังจากเบื้องต้นระบุว่า พบเชื้อจากสัตว์ป่าในตลาดอาหารทะเลแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ทำให้ทางการจีนออกมาตรการห้ามขายสัตว์ป่าทั่วประเทศเป็นการชั่วคราวจนกว่าการแพร่ระบาดจะยุติ 

ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีนตรวจสอบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในนี้ในตัวอย่าง 35 รายการจาก 585 รายการที่เก็บได้จากตลาดค้าส่งอาหารทะเลหัวหนานในเมืองอู่ฮั่น และตัวอย่างเกือบทั้งหมด คือ 31 รายการที่พบเชื้อไวรัส อยู่ในโซนฝั่งตะวันตกของตลาดที่มีแผงค้าสัตว์ป่า ทำให้ยิ่งมีความชัดเจนว่าการระบาดครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการค้าสัตว์ป่า  
ตลาดแห่งตลาดค้าส่งอาหารทะเลหัวหนานนี้ อยู่บริเวธถนนฟาจ้านของเจียงฮั่นในเมืองอู่ฮั่น มีขนาดเท่าสนามฟุตบอล 9 สนามและมีร้านค้าถึง 1,000 แผง ที่นี่มีขายทั้งแมว สุนัข งู เต่า กระต่าย และอีกหลายชนิด ซึ่งถูกชำแหละในสภาพขาดสุขอนามัย ซึ่งตลาดแห่งนี้ได้ถูกสั่งปิดไปแล้วหลังมีคนงานในตลาดล้มป่วยจำนวนมาก 
ไม่นานมานี้มีภาพหนึ่งถูกแชร์จากเว็ปเว่ยป๋อ โซเชียลมีเดียของจีน เป็นภาพป้ายราคาจากร้านขายสัตว์ป่าแห่งหนึ่งในตลาด มีทั้งแบบขายเป็นเนื้อสัตว์และขายแบบตัวเป็นๆ มีมากกว่าร้อยชนิด ยกตัวอย่างอย่างนกยูงถ้าตัวเป็นๆราคา 500 หยวน แต่ถ้าเป็นเนื้อนกยูงอยู่ที่ 350 หยวน ส่วนเนื้อค้างคาวที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นจุดกำเนิดของเชื้อไวรัสอู่ฮั่น มีขายตัวเป็นๆอยู่ที่ 500 หยวน ที่แพงที่สุดของร้านก็คือกวางตัวเป็นๆ 6 พันหยวน นอกจากนี้ก็มีสัตว์ที่ไม่น่าจะมีขาย เช่นหมีโคอาลาตัวเป็นๆ 70 หยวนหรือราว 350 บาทเท่านั้น 
และเมื่อวันอาทิตย์กระทรวงเกษตรกรรม สำนักงานป่าไม้และสำนักงานควบคุมตลาดของจีนร่วมกันประกาศห้ามการขายสัตว์ป่าทั่วประเทศผ่านทุกช่องทาง ไม่ว่า ในตลาด, ร้านอาหาร และออนไลน์ โดยเริ่มมีผลทันทีจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศจะยุติ สถานที่เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าต้องถูกกักโรคและห้ามการขนส่งและขายสัตว์ป่าจากสถานที่เหล่านี้  และทางการยังตั้งสายด่วนผู้บริโภค 12315 เรียกร้องให้ชาวเน็ตรายงานทันทีเมื่อพบความผิดปกติใดๆ ส่วนหน่วยงานท้องถิ่นได้รับคำสั่งให้เข้าตรวจสอบและลงโทษธุรกิจทุกแห่งที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งห้าม
จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับการบริโภคสัตว์ป่า และการลอบค้าสัตว์ป่าในจีนเฟื่องฟูโดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย แม้ว่าที่ผ่านมาจีนเคยออกมาตรการห้ามค้าสัตว์ป่าทุกชนิดในปี 2546 หลังมีการระบุครั้ง ชะมดอาจเป็นต้นตอของเชื้อไวรัสโรคซาร์ส แต่ต่อมาในปีเดียวกันได้ยกเว้นรายชื่อสัตว์ป่า 54 ชนิด ซึ่งสามารถเพาะเลี้ยงในฟาร์ม และมีการตรวจสอบสุขอนามัยได้
และในปี 2557 จีนกำหนดโทษสูงสุดคดีบริโภคสัตว์คุ้มครองด้วยการ จำคุก 3 ปี แต่ก็อนุญาตให้มีการเลี้ยงสัตว์บางชนิดเพื่อการพาณิชย์ได้ รวมถึง เสือ ซึ่งมีปัญหาในการดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนเพราะเป็นเรื่องยากในการพิสูจน์ว่าสัตว์ตัวใดถูกล่าในป่าอย่างผิดกฎหมาย
ยกตัวอย่างเฉพาะในปี 2562 ทางการมณฑลหูเป่ยมีการสอบสวนคดีลักลอบล่าและค้าสัตว์ป่าถึง 250 คดี และนับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมามีสัตว์ป่าถูกล่าในหูเป่ยราว 16,000 ตัว มณฑลหูเป่ยเป็นที่ตั้งของเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ"เสิ่นหนงเจี้ย" ซึ่งได้รับเลือกเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ และมีสัตว์ป่าหายากหลายชนิด  
นอกจากนี้ในมณฑลเจ้อเจียงและมณฑลอันฮุย ที่ประชาชนนิยมการบริโภคสัตว์ป่าก็มีปัญหาการลอบค้าสัตว์ป่าเช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วผู้ค้าจดทะเบียนเพื่อขออนุญาตขายสัตว์ป่าไม่คุ้มครองจำนวนจำกัด เช่น กระต่ายป่า หมูป่า และกวางพันธุ์เล็ก แต่การบังคับใช้กฎหมายไม่เคร่งครัด ทำให้มีการลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง
ส่วนการตัดสินใจล่าสุดของจีนที่สั่งห้ามค้าสัตว์ป่าชั่วคราวได้ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์และกระแสเรียกร้องในสังคมออนไลน์ว่า ควรจะห้ามค้าสัตว์ป่าอย่างถาวร และควรหยุดบริโภคสัตว์ป่าไปเลย ไม่ใช่ห้ามแค่จนกว่าการระบาดของไวรัสจะยุติแบบนี้ ส่วนมาตรการครั้งนี้จะสามารถจัดการกับผู้ค้าสัตว์ป่าในจีนได้จริงหรือไม่ และจีนจะเอาจริงได้นานแค่ไหน ต้องรอติดตาม

logoline