โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการค้าและแพร่ระบาดของยาเสพติด มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อปัญหาคือ กลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดมีขีดความสามารถในการผลิตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ราคายาเสพติดมีแนวโน้มลดลง และมีผู้เข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การแก้ไขปัญหาโดยการจับกุมดำเนินคดีส่งผลให้มีจำนวนนักโทษล้นเรือนจำ ส่วนใหญ่ร้อยละ 80 เป็นนักโทษคดียาเสพติด อีกทั้งการแก้ไขปัญหาผู้เสพโดยการนำตัวผู้เสพ เข้ารับการบำบัดรักษา เมื่อผลการบำบัดและกลับคืนสู่หมู่บ้าน/ชุมชน ตนรับทราบจากการรายงานว่ายังมีผู้ผ่านการบำบัดรักษาจำนวนมากกลับไปมีพฤติการณ์เสพยาเสพติดซ้ำ และบางส่วนกลายเป็นผู้เสพยาเสพติดที่มีอาการทางจิตและสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัว จากสภาพปัญหาดังกล่าว รัฐบาลจึงกำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ดำเนินการปราบปรามแหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งบริเวณชายแดนและพื้นที่ตอนใน การฟื้นฟูดูแลรักษาผู้เสพ ผู้ติด สร้างโอกาส สร้างอาชีพ รายได้และการยอมรับจากสังคม
"วันนี้มีตัวแทนชุมชนกว่า 3700 คน จาก 2800 หมู่บ้านชุมชนมาร่วมโครงการ เราต้องร่วมกันบูรณาการทั้งแกนนำชุมชน กระทรวงมหาดไทย ป.ป.ส. ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราต้องสร้างกำแพงเป็นแนวป้องกันยาเสพติด ให้ความรู้และแนวทางชุมชนบำบัด โดยมีการติดตามและประเมินผลเป็นระยะ การจะขับเคลื่อนได้เราต้องสร้างความเข้าใจในทุกชุมชน ซึ่ง 1 ใน 3 ของหมู่บ้านได้มีการทำโครงการมาก่อนในโครงการกองทุนแม่ของแผ่นดิน เราจะเดินตามแนวทางนี้ด้วย ดังนั้นเราจะใช้ระบบคนเก่าสอนคนใหม่ ใช้ความรักและความร่วมแรงของชุมชนเป็นจุดเริ่มต้นในการป้องกัน ผมเชื่อว่าด้วยโครงการต่างๆเหล่านี้จะทำให้สามารถสกัดกั้นยาเสพติดให้คนไม่เข้าไปสู่จุดของการเสพ และเมื่อผู้เสพลดลงผู้ค้าผู้ผลิตก็จะลดลง นอกจากนี้ยังจะสามารถแก้ปัญหานักโทษล้นคุกได้ด้วย เพราะอย่างที่ตนพูดไปแล้วว่า นักโทษกว่า 80% เป็นนักโทษยาเสพติด ทั้งนี้ผมขอเตือนผู้ค้าผู้ผลิตให้เลิกเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเรากำลังมีการสร้างเครือข่ายเป็นสายในการรายงานข่าวให้แก่ราชการซึ่งมีมากกว่า 5000 หมู่บ้านแล้ว" นายสมศักดิ์ กล่าว