สอบพยาน 30 ปาก คดี "ผอ.กอล์ฟ" เชื่อปมหนี้สินแรงจูงใจ

ความคืบหน้าล่าสุดทางคดี ทางด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการสั่งโอนย้ายคดีดังกล่าวมาให้ทางกองปราบปราม เป็นผู้ทำสำนวนคดีทั้งหมด โดยในคดีนี้ทางตำรวจจะต้องมีการสอบปากคำพยานแวดล้อมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดประมาณ 30 ปาก ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำพยานจนเสร็จสิ้นไปแล้ว 15 ปาก ส่วนที่เหลือก็น่าจะเสร็จในไม่ช้า โดยพนักงานสอบสวนเชื่อว่า จะสามารถสรุปสำนวน พร้อมกับนำตัวผู้ต้องหาส่งอัยการได้ทัน ก็น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน เนื่องจากว่าถือว่า รูปคดีค่อนข้างจะสมบูรณ์ และชัดเจน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามเก็บของกลางได้เกือบครบ ประกอบกับตัวผู้ต้อหาเองก็นำชี้จุดทิ้งของกลางได้ถูกต้องอีกด้วย

ส่วนมูลเหตุจูงใจการก่อเหตุ ซึ่งเมื่อตอนถูกจับกุมนายประสิทธิชัย ผู้ต้องหาให้การอ้างว่า ทำลงไปเพราะต้องการมีสีสันในชีวิต ปรากฏว่า เมื่อพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำอย่างหนัก จนสุดท้ายตัวผู้ต้องหาเองก็ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาเรื่องการเงิน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบข้อมูล จนพบว่า  นายประสิทธิชัย นั้นมีหนี้เงินกู้จากสหกรณ์ครู และธนาคารกรุงไทย รวมทั้งหมดประมาณ 2 ล้านบาท โดยทราบอีกว่าก่อนหน้า นายประสิทธิชัย นำเงินสดประมาณ 3 แสนบาท ไปซื้อรถยนต์หรู บีเอ็มดับบลิว เอฟ4 แต่รถคันดังกล่าวเป็นรถเถื่อน ผู้ต้องหาซื้อมาสวมทะเบียน ต่อมากลับถูกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจับกุม ทำให้นายประสิทธิชัยต้องเสียค่าปรับเป็นเงินถึง 6 แสนบาท ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความเดือดร้อน   ประกอบกับนิสัยส่วนตัวของผู้ต้องหาเองก็การใช้จ่ายที่ค่อนข้างเกินเงินเดือน เพราะชอบใช้สินค้าที่มีราคาแพง ซึ่งไม่ตรงกับอัตราเงินเดือนของตัวเอง ที่มีเงินเดือนแค่สามหมื่นกว่าบาท แต่หลังจากถูกหักเงินที่ไปกู้มาแล้ว ก็จะเหลือใช้เพียงแค่เดือนละ 5 พันบาทเท่านั้น จนทำให้ที่ผ่านมานายประสิทธิชัย ประสบปัญหาการเงินมาตลอด บางครั้งก็ถึงกับต้องหยิบยืมเงินจากที่บ้านอีกด้วย ซึ่งเชื่อว่า ปัญหาดังกล่าวทำให้นายประสิทธิชัย ตัดสินใจลงมือก่อเหตุดังกล่าว

สำหรับ นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ หลังจากก่อเหตุอุอาจกราดยิงประชนเสียชีวิต 3 ราย ภายในห้างโรบินสัน จังหวัดลพบุรี ก่อนจะชิงทองรูปพรรณหนักประมาณ 28 บาท เจ้าหน้าที่ใช้เวลา 13 วัน ในการแกะรอยตามจับกุม สุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามชุดปฏิบัติการพิเศษ "หนุมาน กองปราบ" สะกดรอยและจู่โจมเข้าจับกุมได้คารถยนต์ส่วนตัว ก่อนจะนำตัวมาสอบสวน และติดตามหาของกลางต่าง ๆ อาทิ ทองรูปพรรณ ปืน รถจักรยานยนต์
ทางด้าน พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สนับสุนน กองปราบปราม หัวหน้าชุด "หนุมาน กองปราบ" กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าชุดจับกุมนายประสิทธิขัยในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน เพียงอย่างเดียว ยังมีชุดปฏิบัติการ กก.2 และ กก.3 บก.ป. วางแผนร่วมจับกุมด้วย จนทำให้ผลการปฏิบัติเป็นไปตามที่คาดหมาย ทั้งนี้สำหรับคดีนี้ทางชุดจับกุมได้มีการทำการบ้านเตรียมการร่วมกับชุดสืบสวนล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้แล้ว มีการตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องหาในคดีนี้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของคนร้าย ซึ่งเมื่อรู้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหาพอสมควรแล้วนั้นก็เริ่มมีการประชุมทีมงานชุดจับกุมวางแผนจัดกำลัง และกำหนดจุดเป้าหมายที่จะเข้าจับกุม โดยทั้งหมดจะยึดหลักความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ประชาชนเป็นหลักและปฏิบัติการด้วยความรอบครอบ เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นคนร้ายในคดีอุกฉกรรจ์ก่อเหตุฆ่าคนตายมีทักษะความชำนาญในการใช้อาวุธปืน แต่ด้วยความที่เราเตรียมการวางแผนมาดี ทำให้ในขณะเข้าทำการจับกุมคนร้ายจึงยังไม่ทันตั้งตัว คาดไม่ถึง จนไม่สามารถที่จะคิดขัดขืนต่อสู้เจ้าหน้าที่ได้

พ.ต.อ.วิจักขณ์ บอกด้วยว่า ขณะที่ในส่วนของกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหรือหนุมานกองปราบนั้น เรามีการคัดเลือกเจ้าหน้าที่ที่มีความเหมาะสมทั้งทางร่างกายและจิตใจ และทุกคนล้วนต้องผ่านการฝึกอบรมทักษะการใช้อาวุธเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญและพร้อมรับกับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยหนุมานในขณะนี้เรามีอยู่ทั้งหมด 40 คน ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงตนเองด้วย โดยหน้าที่หลักๆของหน่วยนี้จะเป็นการสนับสนุนการทำงานของกองกำกับ 1-6 ของกองปราบ  ซึ่งมีหน้างานหลักเกี่ยวกับการปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่มีการใช้ความรุนแรง
"คุณสมบัติของหน่วยหนุมาน ก็คือ กล้าหาญ เก่งกาจในการรบ แคล่วคล่องว่องไว ฆ่าไม่ตาย ลมพัดก็ฟื้น ซื่อสัตย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นแนวคิดของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ที่มองว่าสามารถที่จะสื่อในเชิงสัญลักษณ์ได้ชัดเจนเกี่ยวกับหน่วยนี้" พ.ต.อ.วิจักขณ์ กล่าวทิ้งท้าย