ตำรวจมั่นใจ! สรุปสำนวนคดี"อ.กอล์ฟ"ส่งอัยการได้ทันเวลา

ที่กองปราบปรามเมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 23 มกราคม พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.สสน.บก.ป. จำนวน 10 นาย ได้ควบคุมตัว นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา เดินทางไปยังศาลอาญา ถ.รัชดาฯ เพื่อฝากขังเป็นผัดแรก ภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการสอบสวน หลังถูกจับกุม โดยก่อนหน้ายังมีแพทย์จาก รพ.ตำรวจ มาตรวจร่างกายของผู้ต้องหาตามขั้นตอนของกฎหมาย

รายงานข่าวแจ้งว่า คดีดังกล่าวจะต้องมีการสอบปากคำพยานแวดล้อมต่างๆที่เกี่ยวข้องจริงๆ ทั้งหมดประมาณ 30 ปาก ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำพยานจนเสร็จสิ้นไปแล้ว 15 ปาก ส่วนที่เหลือก็น่าจะใช้เวลาไม่นาน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนเชื่อว่า จะสามารถสรุปสำนวน พร้อมกับนำตัวผู้ต้องหาส่งอัยการได้ทัน โดยใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน เนื่องจากว่าคดีนี้ถือว่า รูปคดีค่อนข้างจะสมบูรณ์ และชัดเจน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามเก็บของกลางได้เกือบครบ ประกอบกับตัวผู้ต้อหาเองก็นำชี้จุดทิ้งของกลางได้ถูกต้องอีกด้วย

ส่วนมูลเหตุจูงใจการก่อเหตุนั้น ในตอนแรกที่ถูกจับกุมนายประสิทธิชัย ให้การอ้างว่า ทำลงไปเพราะต้องการมีสีสันในชีวิต แต่เมื่อทางพนักงานสอบสวนสอบเค้นอย่างหนัก นายประสิทธิชัยได้ยอมรับว่า สาเหตุที่ต้องทำเพราะปัญหาเรื่องการเงิน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายประสิทธิชัยมีหนี้เงินกู้จากสหกรณ์ครู และธนาคารกรุงไทย รวมทั้งหมดประมาณ 2 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ยังได้มีการนำเงินสดประมาณ 3 แสนบาท ไปซื้อรถยนต์หรู บีเอ็มดับบลิว เอฟ4 ซึ่งรถคันดังกล่าวเป็นรถเถื่อน ทำให้เมื่อซื้อมาแล้วต้องสวมทะเบียน ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจับกุม ทำให้ต้องเสียค่าปรับเป็นเงินถึง 6 แสนบาท จึงทำให้ผู้ต้องหาเกิดความเดือดร้อนประกอบกับนิสัยส่วนตัวของผู้ต้องหาเอง พบว่ามีการใช้จ่ายเงินเกินเงินเดือนในแต่ละเดือน เพราะชอบใช้สินค้าที่มีราคาแพง ไม่ตรงกับเงินเดือนที่ตัวเองได้รับ ซึ่งมีเงินเดือนเพียงแค่ 3 หมื่นกว่าบาท แต่เงินเดือนในแต่ละเดือนหลังจากถูกหักเงินกู้ทั้งหมดแล้วจะเหลือเงินใช้จ่ายเพียงแค่เดือนละ 5,000 บาทเท่านั้น จนทำให้ต้องประสบปัญหาการเงินมาตลอด บางครั้งก็ถึงกับต้องหยิบยืมเงินจากทางครอบครัว ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า ปัญหารุมเร้าดังกล่าว ทำให้นายประสิทธิชัย ตัดสินใจลงมือก่อเหตุดังกล่าว

ด้านพ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. กล่าวว่า การเข้าจับกุมนายประสิทธิชัยครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน เพียงอย่างเดียว ยังมีชุดปฏิบัติการ กก.2 และ กก.3 บก.ป. วางแผนร่วมจับกุมด้วย จนทำให้ผลการปฏิบัติเป็นไปตามที่คาดหมาย ทั้งนี้สำหรับคดีนี้ทางชุดจับกุมได้มีการทำการบ้านเตรียมการร่วมกับชุดสืบสวนล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมกับตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องหาในคดีนี้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของคนร้าย ซึ่งเมื่อรู้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหาพอสมควร จึงเริ่มมีการประชุมทีมงานชุดจับกุมวางแผนจัดกำลัง และกำหนดจุดเป้าหมายที่จะเข้าจับกุม โดยทั้งหมดจะยึดหลักความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ประชาชนเป็นหลักและปฏิบัติการด้วยความรอบคอบ เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น 
เนื่องจากเป็นคนร้ายในคดีอุกฉกรรจ์ก่อเหตุฆ่าคนตายมีทักษะความชำนาญในการใช้อาวุธปืน แต่ด้วยความที่เราเตรียมการวางแผนมาดี ทำให้ในขณะเข้าทำการจับกุมคนร้ายจึงยังไม่ทันตั้งตัว คาดไม่ถึง และไม่สามารถที่จะคิดขัดขืนต่อสู้เจ้าหน้าที่ได้
พ.ต.อ.วิจักขณ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ในส่วนของกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหรือหนุมานกองปราบนั้น ได้มีีการคัดเลือกเจ้าหน้าที่ที่มีความเหมาะสมทั้งทางร่างกายและจิตใจ และทุกคนล้วนต้องผ่านการฝึกอบรมทักษะการใช้อาวุธเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญและพร้อมรับกับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยหนุมานในขณะนี้เรามีอยู่ทั้งหมด 40 คน ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงตนเองด้วย โดยหน้าที่หลักๆของหน่วยนี้จะเป็นการสนับสนุนการทำงานของ กก.ตัวเลข 1-6 ของ บก.ป. ซึ่งมีหน้างานหลักเกี่ยวกับการปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่มีการใช้ความรุนแรง
 "คุณสมบัติของหน่วยหนุมาน ก็คือ กล้าหาญ เก่งกาจในการรบ แคล่วคล่องว่องไว ฆ่าไม่ตาย ลมพัดก็ฟื้น ซื่อสัตย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นแนวคิดของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ที่มองว่าสามารถที่จะสื่อในเชิงสัญลักษณ์ได้ชัดเจนเกี่ยวกับหน่วยนี้" พ.ต.อ.วิจักขณ์ กล่าวทิ้งท้าย