svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

หมอแล็บ เตือน! อย่ากินค้างคาว

23 มกราคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ไวรัสโคโรน่า หรือที่เรียกกันตามสถานที่เกิดระบาด คือ "ไวรัสอู่ฮั่น" ตัวใหม่นี้เชื่อกันว่ามีต้นตอการระบาดมาจาก "ตลาดขายของป่า" แห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน หลายฝ่ายกังวลว่าลักษณะการระบาด อาจจะคล้ายกับโรคซาร์ส ที่เกิดเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว

ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดขยับไปเป็น 17 รายแล้ว หรือเกือบ 2 เท่าของตัวเลขก่อนหน้านี้ คือ 9 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเมืองอู่ฮั่นตั้งอยู่ ส่วนผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่ได้รับการยืนยันอยู่ที่มากกว่า 552 คน ในส่วนของจีนมีอยู่ 541 คน ในฮ่องกงก็มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ 2 รายแรก ซึ่งถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากไทยที่พบ 4 คน ในส่วนที่นอกเหนือจากจีนแผ่นดินใหญ่ ล่าสุดทางเพจ หมอแล็บ โดยทางเพจได้เกี่ยวอธิบายเรื่องนี้ว่า.........

หมอแล็บ เตือน! อย่ากินค้างคาว

หลายคนอาจจะแย้งว่า มาเตือนทำไมว้า ใครจะบ้าไปกินค้างคาว 5555555ไม่ใช่แค่คนจีนนะครับ คนไทยก็กิน เคยเป็นข่าวเมื่อ 3 ปีก่อน ชาวบ้านเอาค้างคาวมากินเพราะเชื่อว่าจะแก้หนาวได้ใครบอกว่าความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคล ความเชื่อไม่ทำร้ายใคร ตอนนี้ทำร้ายคนอื่นแล้วนะครับ มีการติดโรคและแพร่เชื้อ ตายประมาณ 17 คน ล่าสุดมาถึงนครปฐมแล้วผมกำลังพูดถึงไวรัสสายพันธุ์ใหม่อู่ฮั่นนี่แหละ นักวิชาการเค้าสงสัยว่าจะมาจากค้างคาวมากที่สุด เพราะดีเอ็นเอมันเหมือนกับโคโรน่าไวรัสจากค้างคาวที่เคยเจอถึง 87%มีงานวิจัยยืนยันว่าตรวจเจอไวรัสมากกว่า 60 ชนิด จากค้างคาวทั่วโลก ซึ่งหลายชนิดทำให้เกิดโรคในคนได้ด้วยครับเช่น ไวรัสตระกูลโรคพิษสุนัขบ้า ไวรัสอีโบล่า ( Ebola ) ไวรัสซาร์ ( SARS ) ไวรัสนิปาห์ ( Nipah) และล่าสุด ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อู่ฮั่นก็น่าสงสัยว่ามาจากค้างคาวเพราะเมื่อค้างคาวติดเชื้อไวรัส มันอาจจะไม่แสดงอาการอะไรเลย หรือมันป่วยนั่นแหละ แต่มันไม่บอกเรา 555555ไวรัสบางชนิดทำให้ค้างคาวป่วยหนักจนตาย แต่บางตัวก็หายเอง และยังคงแพร่เชื้อต่อไปได้


การปรุงสุกอาจจะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ แต่อย่าลืมนะครับ เรามีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้ตั้งแต่การจับค้างคาวและการชำแหละ เพราะเชื้อไวรัสจะมีการสะสมอยู่ทั้งในเลือด น้ำลาย และเครื่องในเหมือนเราไปคลุกคลีกับคนเป็นหวัดนั่นแหละ มีโอกาสติดเชื้อโดยที่ยังไม่ทันได้กินเลยตอนนี้ค้างคาวมีการนิยมเอามากินแถวๆในภาคใต้ของจีน นอกจากชาวจีนก็มีคนบางกลุ่มในอาเซียนเราที่ยังนิยมกินเนื้อค้างคาวในฐานะอาหารเปิบพิสดารชาวจีนหลายคนเชื้อว่าการกินเนื้อคางคาวช่วยรักษาอาการโรคหืด โรคไต และอาการเจ็บป่วยทั่วไป แต่ที่ไหนได้ มันกลับกลายเป็นตัวการของโรคทางเดินทางใจเฉียบพลันรุนแรง นอกจากนั้นยังเอาขี้ค้างคาวมาทำยาแผนโบราณอีกต่างหากบางคนก็เชื่อว่าเลือดของค้างคาวช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ และไขมันที่สะสมอยู่ในตัวค้างคาวจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นแก้หนาวได้ 55555 อันนี้ฮาดี หนาวก็ห่มผ้าสิคร้าบบบบแต่สุดท้าย นอกจากจะไม่ช่วยรักษาโรค ยังกลายเป็นติดเชื้อไวรัสกันทั่วโลก ติดต่อจากคนสู่คน แถมเชื้อยังกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆดังนั้นใครที่เคยกินค้างคาว ถ้าป่วย เป็นไข้ ควรแจ้งแพทย์ด้วยว่า "ผมกินค้างคาวมาค้าบ" เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัยโรค และก็อย่าไปกินอะไรแปลกๆอีกล่ะครับ ขอร้อง

logoline