วัดผลรัฐเท 6.7 หมื่นล้าน ประกันรายได้'อุ้ม'เกษตรกร
โครงการประกันรายได้เกษตรกรผ่านพ้นไป 3 เดือน รัฐจ่ายเงินส่วนต่างให้สินค้าเกษตรครบ 5 ชนิดทั้งปาล์ม ข้าว ยาง มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2.4 หมื่นล้านบาท ภายใต้วงเงินรวม 6.77 หมื่นล้านบาท แต่ราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ยังคงตกต่ำติดตามได้จากรายงาน
หนึ่งในนโยบายสำคัญที่ได้มีการแถลงไว้ต่อรัฐสภาช่วงของการเข้ารับตำแหน่งครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในยามที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ด้วยการจ่ายส่วนต่างของราคาตลาดและราคาประกันรายได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด
ล่าสุดรัฐบาลภายใต้การนำของ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ สามารถจ่ายชดเชยส่วนต่างสินค้าเกษตรทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมวงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 35.48% ของวงเงินรวมประกันรายได้สินค้าเกษตรที่ครม.อนุมัติไว้ 6.77 หมื่นล้านบาท
แม้ตัวเลขการจ่ายส่วนต่างประกันรายได้สินค้าเกษตรในช่วง 3 เดือน หรือเริ่มต้นจ่ายงวดแรกเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2562 ให้กับปาล์มน้ำมัน ตามด้วยข้าว 5 ชนิด ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะยังใช้วงเงินต่ำกว่ากรอบวงเงินรวม 6.77 หมื่นล้านบาท แต่ต้องยอมรับว่าโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรเป็นมาตรการที่มีจุดอ่อนไม่สามารถดึงราคาสินค้าเกษตรให้ปรับตัวสูงขึ้นได้
เพราะหากรัฐบาลปิดช่องโหว่ได้ไม่ดี จะยิ่งทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เนื่องจากอาจเกิดการกดราคารับซื้อสินค้าเกษตรในตลาด เนื่องจากรัฐไม่สามารถควบคุมกลไกพ่อค้าคนกลางที่เข้าไปรับซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกรได้ ซึ่งเป็นผลให้รัฐบาลต้องใช้เงินจ่ายส่วนต่างเพิ่มมากขึ้น ทำให้รัฐต้องออกมาตรการควบคู่กับประกันรายได้ เพื่อพยุงราคาสินค้าเกษตรให้ไม่ตกต่ำ
ล่าสุด มีเพียงปาล์มน้ำมันเท่านั้น ที่ได้อานิสงส์จากมาตรการพลังงานในการผลักดันไบโอดีเซลบี 10 ที่มีการดึงสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศไปใช้ผลิตบี 10 เพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลให้ราคาปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นทะลุ 5 บาท/กิโลกรัม สูงกว่าราคาประกันรายได้ปาล์มน้ำมันที่ 4 บาท/กิโลกรัม ส่วนข้าวเปลือกเจ้า ซึ่งเป็นชนิดข้าวที่ปลูกส่วนใหญ่ของประเทศยังคงมีราคาตกต่ำกว่าราคาประกันรายได้ โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 7,700 บาทเท่านั้น ขณะที่ราคาประกันข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ตันละ 1 หมื่นบาท ทำให้รัฐบาลต้องจ่ายส่วนต่างเฉลี่ยประมาณตันละ 2,300 บาท
ขณะที่ราคายางพารายังคงเป็นปัญหาหนักอกของรัฐบาล เพราะราคาประกันยางแผ่นดิบคุณภาพดีอยู่ที่ 60 บาท/กิโลกรัม แต่ราคาล่าสุดยางแผ่นดิบชั้น 3 อยู่ที่ 38.69 บาท/กิโลกรัมเท่านั้น ด้านหัวมันสดราคาประกันอยู่ที่ 2.5 บาท/กิโลกรัม ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.99 บาท/กิโลกรัม และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเดิมที่ราคาปรับตัวสูงกว่ากว่า 8 บาท ล่าสุดราคาอยู่ที่ 7.86 บาท/กิโลกรัม ต่ำกว่าราคาประกันรายได้อยู่ที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม
การประกันรายได้ จึงเป็นเพียงมาตรการบรรเทาผลกระทบให้กับเกษตรกรระยะสั้นเท่านั้น เพราะหากภาคเกษตรของไทยยังไม่ได้รับการปรับโครงสร้างหรือเพิ่มขีดแข่งขันอย่างจริงจัง สุดท้ายแล้วเกษตรกรก็ยังคงรอรับการอุดหนุนจากรัฐบาลทุกครั้งไป
ทีมข่าวเศรษฐกิจเนชั่นทีวีรายงาน