ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการจากพรรคพลังประชารัฐ กำชับเรื่องการสำรวจพื้นที่ ว่าอาจไม่ได้ลุกล้ำไปที่ป่าสงวน แต่อาจรุกล้ำเขตที่ประชาชนสามารถถือครองก็ได้ พร้อมมองว่ามีการดำเนินเรียกคืนที่ดินการกรณีนางสาวปารีณารวดเร็วกว่ากรณีประชาชนหรือ ส.ส. คนอื่นๆ พันจ่าเอกประเสริฐ มาลัย รองเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ชี้แจงถึงคุณสมบัติผู้ถือครองที่ดิน สปก. ต้องเป็นเกษตรกรจริง หรือเป็นผู้ที่ประสงค์จะทำเกษตรกรรมที่เรียนจบด้านการเกษตรโดยตรง หรือเป็นบุตรหลานของเกษตรกรที่มีฐานะยากจน ซึ่งเบื้องต้นนางสาวปารีณา ได้ส่งคืนที่ดินที่เป็น สปก. ครบหมดแล้ว และจะมีการสำรวจว่าทรัพย์สินในที่ดินใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ หากใช้ประโยชน์ได้ สปก. ก็จะรับไว้ หากใช้ประโยชน์ไม่ได้ ก็จะส่งคืนให้นางสาวปวีณาทำลายต่อไปขณะที่นายนภดล ตันติเมฆิน ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สปก. ชี้แจงว่าการถือครองที่ดิน สปก. ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย หากส่งคืนกลับให้ สปก. ก็ถือว่าตรงตามเจตนารมณ์แล้ว เพื่อให้ สปก. จัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกรต่อไป ไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย สปก. เว้นแต่จะมีความผิดในที่ดินตามกฎหมายอื่นๆ พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการเรียกคืนที่ดิน สปก. ดำเนินการมาตรฐานเดียวกันทุกกรณี ไม่แตกต่างกันขณะที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ได้ถามรองเลขาธิการ สปก. ว่าได้ไปพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมกับ เลขาธิการ สปก. และอธิบดีกรมป่าไม้ หรือไม่ โดยรองเลขาธิการ สปก. กล่าวย้ำว่า ไม่ได้ไปพบรองนายกรัฐมนตรีหลังการพิจารณากรณีที่ดิน สปก. เสร็จสิ้น ที่ประชุมมีมติร่วมกันให้ทำหนังสือสรุปการชี้แจงส่งไปถึงนายวีระ สมความคิด ในฐานะผู้ร้อง ขณะที่นางสาวปารีณาในฐานะผู้ถูกร้อง ไม่ได้ชี้แจงข้อมูลใดๆตลอดการประชุม