แต่คณะกรรมการที่นำโดยนักการทูตฟิลิปปินส์ ก็ระบุในรายงานสรุปที่มีการส่งมอบให้กับประธานาธิบดีวิน มยิน ของเมียนมาร์เมื่อวานว่า ไม่มีหลักฐานที่จะมาสนับสนุนข้อกล่าวหาที่ว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งนี้มีการวางแผนหรือมุ่งมาที่ชาวโรงฮิงญาโดยเฉพาะ
คณะกรรมการสอบสวนได้สรุปผลการสอบสวนในจดหมายข่าวที่มีการโพสต์เอาไว้ในหน้า Facebook ของคณะกรรมการ
เรื่องนี้เปิดเผยออกมาขณะที่ในวันพฤหัสบดีนี้ คณะผู้พิพากษาศาลโลกของสหประชาชาติ จะพิจารณาตัดสินตามคำร้องที่มีการขอให้เมียนมาร์ยุติการดำเนินการที่มองกันว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรงฮิงญา
คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้นำโดยนางโรซาริโอ มานาโล นักการทูตระดับอาวุโสของฟิลิปปินส์ ส่วนคนอื่นที่รวมอยู่ในคณะสอบสวนด้วยก็มีที่ปรึกษาประธานาธิบดีเมียนมาร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้อกฏหมายเมียนมาร์และอดีตนักการทูตญี่ปุ่น
การที่ทางคณะกรรมการมีคนใกล้ชิดกับรัฐบาลรวมอยู่ด้วย ทำให้สงสัยกันเรื่องศักยภาพในการนำเสนอรายงานที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการสอบสวนก่อนหน้านี้ของฝ่ายรัฐบาลและทหารเมียนมาร์ ไม่ได้ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือแต่อย่างใด
ทางคณะกรรมการสอบสวนบอกว่าพวกเขาส่งมอบรายงานหนา 461 หน้าให้กับทางการ เพื่อให้ใช้ประกอบการสอบสวนและการดำเนินคดีโดยฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารเมียนมาร์
ขณะที่ทีมของสหประชาชาติก็ทำการสอบสวนเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน และพบเหตุผลในการดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่ทางทีมงาน ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเมียนมาร์ โดยหลักแล้วพวกเขาจึงทำงานกันโดยการสัมภาษณ์ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในบังคลาเทศ