นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรอง นายอะฮ์มัด รุซดี (H.E. Mr. Armad Rusdi) เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ เพื่อแนะนำตัว และกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งในปีนี้จะครบรอบ 70 ปี ในการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย โดย ประธานรัฐสภา กล่าวว่า เมื่อขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคยได้รับเกียรติจากองค์กร Carter Center เข้าร่วมเป็นผู้นำสังเกตการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในฐานะที่เป็นนักการเมืองซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น Mr. Clean หรือนักการเมืองมือสะอาด ทั้งนี้ องค์กร Carter Center ถือเป็นองค์การที่มุ่งเน้นการส่งเสริมประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ภายใต้การนำของ นายจิมมี่ คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินโดนีเซียเป็นไปอย่างราบรื่น ในการนี้ รัฐสภาไทยยินดีที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ ๗๐ ปี ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย และพร้อมให้การสนับสนุนในทุกเรื่องที่ประสานมาด้าน นายอะฮ์มัด รุซดี ได้กล่าวสวัสดีปีใหม่แด่ประธานรัฐสภา เนื่องในวาระขึ้นปีใหม่ 2563 พร้อมทั้งกล่าวถึงความสัมพันธ์ของสาธารณรัฐอินโดนีเซียและประเทศไทยที่มีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ในอดีตรัชกาลที่ 5 7 และ 9 เคยเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ทั้งนี้ สิ่งที่แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศคือ การจัดแสดงนิทรรศการ "ผ้าบาติกในพระปิยมหาราช : สายสัมพันธ์สยามและชวา" ณ พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเปิดนิทรรศการ ซึ่งนิทรรศการดังกล่าว เป็นการจัดแสดงผ้าบาติกที่รัชกาลที่ 5 ทรงซื้อกลับมาจากชวา และมีผู้ทูลเกล้าฯ ถวาย รวมทั้งสิ้นกว่า 300 ผืน โดยจะจัดแสดงจนถึงปี 2564 นอกจากนี้ ในขณะที่ นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้เยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียหลายครั้ง และในโอกาสที่ปีนี้จะครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียกับไทย จึงขอปรึกษาหารือเพื่อขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากรัฐสภาไทยในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี อันจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศให้พัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไป