รบ.ควรฟังข้อเสนอเอกชน เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจ

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา อภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 โดยชี้ว่าที่ผ่านมางบประมาณแผ่นดินร้อยละ 30 -37 เสียไปกับการทุจริต รัฐธรรมนูญปี 2560 จึงมีการเขียนหลักการป้องกันไว้ให้คำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติ และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อไม่ให้งบประมาณรั่วไหล โดยตั้งข้อสังเกตว่าตัวชี้วัดของหน่วยงานราชการยังเป็นการชี้วัดงานประจำแบบเดิม ไม่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ 

จึงต้องมีการทบทวนวิสัยทัศน์ พันธกิจ การชี้วัด และเป้าหมายผลสัมฤทธิ์ ให้สอดคล้องทั้งนี้ นายสมชาย ยังตั้งข้อสังเกตว่า ควรเร่งการใช้งบประมาณที่ล่าช้า ให้ทันตามปีงบประมาณปกติ สิ่งใดที่ผิดพลาดในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ก็ขอให้ปรับปรุงใหม่ให้ถูกต้องในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2564 เพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ และมีข้อเสนอในระยะเร่งด่วนขอคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย ว่ารัฐบาลควรมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม เพื่อรองรับปัญหาจากเศรษฐกิจโลก ที่จะได้รับผลกระทบระหว่างสงครามสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน โดยมีมาตรการที่จำเป็นได้แก่ การเพิ่มเงินให้ผู้ประกอบการและประชาชน ด้วยการลดค่าไฟ ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมถึงบ้านพักลงมาร้อยละ 5 ในระยะเวลา 1 ปี , เร่งรัดการคืนภาษี VAT ให้รวดเร็วภายใน 30 วัน , ลดการจ่ายเงินประกันสังคมร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 6 เดือน , ลดภาษีการนำเข้าเครื่องจักรใหม่ ที่ประเทศไทยไม่สามารถผลิตเครื่องจักรเหล่านั้นเองได้ , ลดค่าธรรมเนียมการโอนเงินและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นร้อยละ 0.01 ในระยะเวลา 1 ปี , การขุดบ่อกักเก็บน้ำแก้มลิงทุกหมู่บ้าน , การพัฒนาพื้นที่นอกเหนือจากเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC , และขอให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน มีส่วนร่วมในการปรับปรุงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้คล่องตัวมากขึ้น และสนับสนุนสินค้าไทยมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลควรจะคำนึงถึงมาตรการที่เอกชนเสนอมา เพื่อนำมาประกอบกับการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ