ตรวจที่ดิน นักการเมืองรุกเขาใหญ่ เพิ่มอีกแปลง

หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จับกุม คนขับรถแบคโฮ 3 คน ประกอบด้วย 1.นายปรีชา สุวรรณพุ่ม อายุ 25 ปี 2.นายสมนึก ปรีสมุทร อายุ 38 ปี และ 3 นายวีระยุทธ วิถี อายุ 23 ปี ทั้งหมดให้การตรงกัน ว่า เข้ามารับจ้างจากนักการเมืองรายหนึ่ง ปรับพื้นที่บนภูเขา ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.2563 และปรากฎว่า ขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบพื้นที่ อยู่นั้น น.ส.จุรี วังคีรี อายุ 24 ปี และนายไพโรจน์ กุหลาบวงษ์ อายุ 64 ปี แจ้งว่าเป็นตัวแทนเจ้าของที่ดินนำสำเนาเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน เลขที่ 28676, 28674 และ 28667 จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้สั่งให้หยุดดำเนินการ และนำคนขับรถแบคโฮ ไปลงบันทึกการตรวจสอบ และลงบันทึกประจำวันที่สภ.เมืองปราจีนบุรี ไว้เป็นหลักฐาน ตาม ปจว.ข้อ 5 เวลา 22.10 น. วันที่ 15 ม.ค. 2563

ต่อมา วันที่ 17 ม.ค. พ.อ.พงษ์เพชร ได้บูรณาการเพื่อตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลงที่ผู้แทนนักการเมืองรายหนึ่ง นำมาแสดง และตรวจสอบจับค่าพิกัดพื้นที่ที่รถแบคโฮเปิดป่าใหม่ โดยมี ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ นำโดยนายสมชาย ฉิมแย้ม เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นำโดยนายครรชิต ศรีนพวรรณ สบอ.1(ปราจีนบุรี) นำโดย นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ เจ้าพนักงานที่ดินปราจีนบุรี กอ.รมน.จังหวัดปราจีนบุรี พ.อ.ธนเดช แม่นปืน ทสจ.ปราจีนบุรี และฝ่ายปกครอง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปรากฎว่า บริเวณที่รถแบคโฮ ปรับพื้นที่ออกนอกโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง บุกรุกเข้าไปในเขตอุทยานฯ เขาใหญ่ รวม 6 จุด พื้นที่รวม 11- 3 - 96 ตารางวา

และในเวลา 23.15 น.วันที่ 17 ม.ค. นายภัทรพล ซุ่นฮั้ว ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนสภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดี คนขับรถแบคโฮ 3 คน แจ้งความนายไพโรจน์ และนักการเมืองรายหนึ่ง เป็นผู้ต้องที่ 1-5 ที่ได้นำโฉนดที่ดินที่อ้างว่าเป็นของลูกสาวนักการเมือง และของนักการเมือง ได้ว่าจ้างรถแบคโฮขุดพื้นที่เปิดป่า ซึ่งเป็นการกระทำความผิด 1.ฐานบุกรุกอสังหาริมทรัพย์คนอื่น 2.เข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและทำให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพไปจากพื้นที่เดิม 3.ทำประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพซึทงทรัพยากรธรรมชาติ 4.เข้าไปดำเนินการใดๆ เพื่อประโยชน์ในเขตอุทยานแห่งชาติ

พ.อ.พงษ์เพชร ตั้งข้อสังเกตว่า จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งแปลงโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง ออกเมื่อปี พ.ศ.2536 พบว่าอยู่ในเขตอุทยานฯ เต็มแปลง ทั้ง 3 แปลง ขณะที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ประกาศเมื่อปี พ.ศ.2505 แต่โฉนดที่ดินออกภายหลัง 31 ปี นอกจากนี้ยังตรวจพบโฉนดที่ดินอีก 2 แปลง ออกเมื่อปี 2545 ออกทับที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ ขญ.12 (เนินหอม) ทับเส้นทางขึ้นเขาใหญ่ และด่านตรวจเนินหอมอีกด้วย ดังนั้น จึงเห็นควรตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินทั้ง 5 แปลงดังกล่าวว่าออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ต่อไป โดยจะตรวจว่ามีการแจ้วงครอบครองหรือมีหลักฐานใดมาก่อนประกาศเขตอุทยานฯ หรือไม่
นอกจากนี้ หลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่้งคือ ภาพถ่ายทางอากาศ พบว่าโฉนดที่ดิน 1 แปลง ออกทับลำรางที่เป็นลำน้ำธรรมชาติธรรมชาติ มีต้นน้ำจาเขาใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ดินปราจีนบุรี ที่นำตรวจ ถึงกับพูดว่า ไม่มีโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ใดที่ออกทับลำราง ลำน้ำสาธารณะ แสดงว่าตอนออกโฉนดไม่ได้สำรวจพื้นที่เลย

พ.อ.พงษ์เพชร เปิดเผยด้วยว่า ในวันนี้ (19 ม.ค.) ได้ตรวจสอบที่ดินแปลงข้างเคียงที่รถแบคโฮเข้าไปขุดปรับพื้นที่บนเนินเขา ซึ่งมีความน่าจะเป็นว่าเป็นเจ้าของเดียวกันกับโฉนดทั้ง 3 แปลง เจ้าหน้าที่กำลังวัดพื้นที่และตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด
ด้านหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ครรชิต ศรีนพวรรณ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกพื้นที่แล้ว ยืนยันทำตามกฎหมาย ส่วนรายละเอียดการให้เขาขอให้เป็นข้อมูลที่ได้จาก พ.อ.พงษ์เพชร เพื่อให้ข้อมูลเป็นไปในทางเดียวกัน