B-2 Stealth Bomber เครื่องบินทิ้งระเบิดที่เรดาร์ตรวจจับไม่ได้ ทั้งยังสามารถเจาะพื้นที่ที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา มีระบบป้องกันทางอากาศที่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังสามารถบินไกลถึง 6 พันไมล์ทะเล โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง หรือบินได้ 10,000 ไมล์ทะเล โดยการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแค่ครั้งเดียว มันยังสามารถบรรทุกระเบิดตามรูปแบบและระเบิดนิวเคลียร์ได้มากกว่า 20 ตัน โจมตีได้แม่นยำในทุกสภาพอากาศ และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเครื่องบินที่เอาตัวรอดได้มากที่สุดในโลก
ในสายตาของสหรัฐฯ ไม่มีภัยคุกคามใดจากอิหร่านที่อันตรายไปกว่าโครงการนิวเคลียร์ จึงมีการคาดการณ์ว่าถ้าสหรัฐฯต้องการโจมตี โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 stealth ลำนี้น่าจะเป็นตัวเลือกหลักที่ถูกใช้งาน
ต่อมาคือ MOP หรือระเบิดที่ถูกเรียกว่าตัวทำลายบังเกอร์ เนื่องจากมันสามารถทำลายเป้าหมายที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินหรือในภูเขา สามารถเจาะคอนกรีตหนา 60 เมตร และทะลุลงไปใต้ดินลึก 200 ฟุต ปัจจุบันมีเพียงเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 Stealth ที่ใช้ระเบิดรุ่นนี้ได้
นอกจากนี้ยังมียานรบสะเทินน้ำสะเทินบก หรือ ACV เพราะถ้าสหรัฐฯจำเป็นต้องยึดพื้นที่ชายฝั่งบางแห่งของอิหร่าน รวมทั้ง 3 เกาะในอ่าวเปอร์เซีย ก็จะต้องพึ่ง ACV ที่เป็นยานเกราะล้อยาง สะเทินน้ำสะเทินบก
ACV สามารถเคลื่อนในน้ำด้วยความเร็วสูงสุด 22 กม./ชม. มีความสามารถในการเอาตัวรอดและการป้องกันการถูกโจมตีต่างๆ ติดตั้งระบบอาวุธเป็นป้อมปืนอัตโนมัติพร้อมด้วยระบบรักษาสมดุล ติดตั้งปืนกลขนาด 12.7 มม. เครื่องยิงระเบิดอัตโนมัติขนาด 40 มม. และทนทานต่อระเบิดแสวงเครื่อง
สุดท้ายคือเครื่องยิงระบบเลเซอร์ ที่สามารถทำลายสปีดโบ๊ทหรือโดรนขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพในการติดตามและทำลายแม้แต่เป้าหมายที่ทำลายยาก และความพิเศษคือการยิงเลเซอร์เป็นการยิงที่เสียทรัพยากรน้อยมากเพราะไม่ต้องบรรจุกระสุน เครื่องยิงระบบเลเซอร์นี้ยังถูกติดตั้งที่ไหนก็ได้และไม่ต้องกลัวว่ากระสุนจะหมด
แม้ว่าล่าสุดขณะถูกทดสอบบนเรือ USS Ponce ในอ่าวเปอร์เซีย จะพบว่ามันมีข้อจำกัดเล็กน้อยด้านสภาพอากาศ ซึ่งกองทัพเรือกำลังปรับปรุง แต่ถ้ามันมีขีดความสามารถแบบไร้ที่ติเมื่อไหร่ก็ถือเป็นอีกอาวุธที่สร้างความได้เปรียบให้สหรัฐไม่น้อย
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่ากำลังจะเกิดสงครามหรือสหรัฐจะเป็นฝ่ายชนะ แต่เป็นการคาดการณ์ถึงศักยภาพทางการทหารของสหรัฐเบื้องต้น ส่วนสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านขณะนี้จะดำเนินไปในทิศทางไหนก็ต้องติดตามกันต่อไป