svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

เปิด 5 อาวุธเด็ด สหรัฐฯ

07 มกราคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ที่สหรัฐปฏิบัติการณ์ปลิดชีพผู้บัญชาการคนสำคัญของอิหร่าน กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายแสดงทีท่าพร้อมตอบโต้กันตลอดเวลา แต่ก็มีหลายฝ่ายที่เชื่อว่าหากต้องปะทะกันจริงๆ สหรัฐยังมีอาวุธไม้ตายถึง 5 ชิ้นที่อิหร่านไม่สามารถต่อกรด้วยได้ มีอะไรบ้าง ติดตามกับคุณมัฐฌญากร

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านถือเป็นสถานการณ์ที่ทั่วโลกให้การจับตาอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากหลายฝ่ายกังวลว่าเหตุการณ์จะบานปลายจนนำไปสู่สงครามครั้งใหญ่ แน่นอนว่าสงครามเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และกว่าจะไปถึงจุดนั้นจริงๆก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ อาวุธยุทโธปกรณ์ถือเป็นอีกสิ่งที่สร้างความได้เปรียบอย่างมหาศาล วันนี้จะพาไปดูอาวุธ 5 ชิ้นของสหรัฐที่มีการจับตาว่าสหรัฐจะนำมาใช้หากต้องรบกับอิหร่าน

และนี่คือ F-22 Raptor เป็นเครื่องบินรบที่นั่งเดี่ยว และมีสองเครื่องยนต์ ซึ่งมีศักยภาพหลากหลายด้าน ทั้งในการโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดิน ทำสงครามอิเลคทรอนิคส์ และเก็บข้อมูลข่าวกรอง ซึ่งในช่วงที่เกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศในครั้งนี้ สหรัฐฯยังได้เพิ่มประจำการ F-22 ตามฐานทัพในอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย

นอกจากนี้ F-22 ยังเคยสร้างผลงาน ตอนที่เครื่องบินอิหร่านโจมตีโดรนสอดแนมของสหรัฐฯ เหนือน่านฟ้าของตัวเอง เมื่อปี 2556 สหรัฐฯ ได้ตอบโต้ด้วยการส่ง F22 Raptor เข้าคุ้มกัน และมีเรื่องเล่าว่านักบิน F22 เคยบินเข้าไปในระดับใต้ท้องเครื่องบินอิหร่านเพื่อตรวจสอบอาวุธ โดยที่นักบินอิหร่านไม่รู้ด้วยซ้ำ

B-2 Stealth Bomber เครื่องบินทิ้งระเบิดที่เรดาร์ตรวจจับไม่ได้ ทั้งยังสามารถเจาะพื้นที่ที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา มีระบบป้องกันทางอากาศที่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังสามารถบินไกลถึง 6 พันไมล์ทะเล โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง หรือบินได้ 10,000 ไมล์ทะเล โดยการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแค่ครั้งเดียว มันยังสามารถบรรทุกระเบิดตามรูปแบบและระเบิดนิวเคลียร์ได้มากกว่า 20 ตัน โจมตีได้แม่นยำในทุกสภาพอากาศ และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเครื่องบินที่เอาตัวรอดได้มากที่สุดในโลก

ในสายตาของสหรัฐฯ ไม่มีภัยคุกคามใดจากอิหร่านที่อันตรายไปกว่าโครงการนิวเคลียร์ จึงมีการคาดการณ์ว่าถ้าสหรัฐฯต้องการโจมตี โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 stealth ลำนี้น่าจะเป็นตัวเลือกหลักที่ถูกใช้งาน

ต่อมาคือ MOP หรือระเบิดที่ถูกเรียกว่าตัวทำลายบังเกอร์ เนื่องจากมันสามารถทำลายเป้าหมายที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินหรือในภูเขา สามารถเจาะคอนกรีตหนา 60 เมตร และทะลุลงไปใต้ดินลึก 200 ฟุต ปัจจุบันมีเพียงเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 Stealth ที่ใช้ระเบิดรุ่นนี้ได้

นอกจากนี้ยังมียานรบสะเทินน้ำสะเทินบก หรือ ACV เพราะถ้าสหรัฐฯจำเป็นต้องยึดพื้นที่ชายฝั่งบางแห่งของอิหร่าน รวมทั้ง 3 เกาะในอ่าวเปอร์เซีย ก็จะต้องพึ่ง ACV ที่เป็นยานเกราะล้อยาง สะเทินน้ำสะเทินบก

ACV สามารถเคลื่อนในน้ำด้วยความเร็วสูงสุด 22 กม./ชม. มีความสามารถในการเอาตัวรอดและการป้องกันการถูกโจมตีต่างๆ ติดตั้งระบบอาวุธเป็นป้อมปืนอัตโนมัติพร้อมด้วยระบบรักษาสมดุล ติดตั้งปืนกลขนาด 12.7 มม. เครื่องยิงระเบิดอัตโนมัติขนาด 40 มม. และทนทานต่อระเบิดแสวงเครื่อง

สุดท้ายคือเครื่องยิงระบบเลเซอร์ ที่สามารถทำลายสปีดโบ๊ทหรือโดรนขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพในการติดตามและทำลายแม้แต่เป้าหมายที่ทำลายยาก และความพิเศษคือการยิงเลเซอร์เป็นการยิงที่เสียทรัพยากรน้อยมากเพราะไม่ต้องบรรจุกระสุน เครื่องยิงระบบเลเซอร์นี้ยังถูกติดตั้งที่ไหนก็ได้และไม่ต้องกลัวว่ากระสุนจะหมด

แม้ว่าล่าสุดขณะถูกทดสอบบนเรือ USS Ponce ในอ่าวเปอร์เซีย จะพบว่ามันมีข้อจำกัดเล็กน้อยด้านสภาพอากาศ ซึ่งกองทัพเรือกำลังปรับปรุง แต่ถ้ามันมีขีดความสามารถแบบไร้ที่ติเมื่อไหร่ก็ถือเป็นอีกอาวุธที่สร้างความได้เปรียบให้สหรัฐไม่น้อย

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่ากำลังจะเกิดสงครามหรือสหรัฐจะเป็นฝ่ายชนะ แต่เป็นการคาดการณ์ถึงศักยภาพทางการทหารของสหรัฐเบื้องต้น ส่วนสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านขณะนี้จะดำเนินไปในทิศทางไหนก็ต้องติดตามกันต่อไป

logoline