svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

TOPTEN กีฬา 2019 - ปี 2019 กับ 3 แชมป์ของ"หงส์แดง"

29 ธันวาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ปี 2019 นับเป็นปีทองของทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง หลังจากพาทีมคว้าแชมป์รายการหลักได้ถึง 3 รายการในปีเดียว ซึ่งนับเป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่ทำได้ เส้นทางความสำเร็จของพวกเขาเป็นอย่างไร ติดตามได้จากรายงาน

"ขอเวลาไม่เกิน 4 ปี ในการพาทีมกลับสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง" นั่นเป็นคำมั่นสัญญาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ในสมัยที่เข้ามารับงานเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลคนใหม่เมื่อปี 2015 
จากผลงานและฟอร์มการเล่นของทีมในสมัยนั้น ทำให้ใครๆต่างก็บอกว่าคำสัญญานี้คงเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน และ คล็อปป์ และทีมงานทุกฝ่าย ต่างก็มุ่งมั่นทำงานกันอย่างเต็มที่ และสามารถพาทีมหงส์แดงยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเต็มตัว โดยมีผลงานชิ้นโบแดงคือการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จในฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยการเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ไปได้ 2-0 ซึ่งจากชัยชนะในเกมดังกล่าวทำให้พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ซึ่งเป็นสถิติที่มากที่สุดในบรรดาสโมสรอังกฤษ แต่พวกเขาก็ต้องผ่านเส้นทางที่ยากลำบากมาไม่น้อยทีเดียวกว่าจะไปถึงจุดนั้นได้
ลิเวอร์พูล จบซีซั่นในลีกด้วยอันดับที่ 4 ทำให้คว้าสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัติ แต่ในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาก็ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่โดยเฉพาะเกมเยือนที่แพ้รวดทั้ง 3 นัด และต้องมาลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้ายที่พบกับ นาโปลี ก่อนเป็นฝ่ายเฉือนชนะไปได้หวุดหวิด 1-0 และผ่านเข้ารอบด้วยการมีประตูยิงได้มากกว่าคู่แข่งเท่านั้น 
รอบ 16 ทีมสุดท้าย หงส์แดงเจองานยากทันทีเมื่อต้องพบกับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค แต่ลิเวอร์พูลก็ระเบิดฟอร์มบุกไปเอาชนะได้ถึงเยอรมันด้วยสกอร์ 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างสวยงาม ต่อด้วยการไล่ถล่ม เอฟซี ปอร์โต้ แบบไม่ไว้หน้าด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-1 กรุยทางสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามด่านต่อไปของพวกเขาคือ บาร์เซโลน่า ยอดทีมจากสเปน ซึ่งทีแรกดูเหมือนว่าเส้นทางของ ลิเวอร์พูล จะยุติเพียงแค่รอบนี้ หลังบุกไปโดน บาร์เซโลน่า ถล่มขาดลอย 3-0 ทำให้แทบจะไม่มีใครเชื่อว่าพลพรรคหงส์แดงจะพลิกสถานการณ์ได้ แต่ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็สร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จ เมื่อถล่มผู้มาเยือนไป 4-0 ตามเป้าหมาย
จากชัยชนะสุดเหลือเชื่อเหนือ บาร์เซโลน่า ทำให้พวกเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมกับการไล่ล่าแชมป์ และก็จัดการเอาชนะ สเปอร์ส ไปอย่างสวยงาม 2-0 คว้าแชมป์ยุโรปมาครองได้สำเร็จหลังต้องใช้เวลารอคอยมายาวนานถึง 14 ปี
ด้วยฟอร์มการเล่นของนักเตะ, ทัศนคติและการเลือกใช้แท็กติกของคล็อปป์และทีมงาน ทำให้ลิเวอร์พูลสานต่อความสำเร็จไปอีกขั้นด้วยการคว้าแชมป์ซูเปอร์ คัพ จากการเอาชนะ เชลซี ภายใต้กุนซือคนใหม่อย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ไปได้ในการดวลจุดโทษ 5-4 หลังจากในเวลา 120 นาทีเสมอกัน 2-2 กลายเป็นแชมป์ซูเปอร์คัพสมัยที่ 4 ในประวัติศาสตร์สโมสร
ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ นำเป็นจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ลีกด้วยสถิติยังไม่แพ้ใคร แถมยังมีแต้มนำห่างคู่แข่งถึง 10 คะแนน ก่อนจะเดินทางมาที่ประเทศกาตาร์เพื่อไล่ล่าแชมป์สโมสรโลก ซึ่งเป็นแชมป์รายการเดียวที่พวกเขายังไม่เคยสัมผัสมาก่อน โดยแม้ว่าจะต้องเจอปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะหลายรายจนต้องหมุนเวียนผู้เล่นค่อนทีม แต่พวกเขาก็ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเดิม เริ่มจากเอาชนะ มอนเตอร์เรย์ จากเม็กซิโก ในรอบรองชนะเลิศ 2-1 ต่อด้วยการเฉือนชนะ ฟลาเมงโก้ ในรอบชิงชนะเลิศ 1-0 คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ และนับเป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่ผงาดคว้าแชมป์รายการหลักระดับทวีปได้ถึง 3 รายการในปีปฏิทินเดียวกัน
และด้วยฟอร์มการเล่นแบบนี้จึงทำให้แฟนบอลหงส์แดงหวังเป็นอย่างมากว่า สุดท้ายแล้วทีมรักของพวกเขาจะกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศได้เสียที หลังจากห่างหายจากความสำเร็จในถ้วยใบนี้ไปถึง 3 ทศวรรษ แต่จะทำสำเร็จอย่างที่หวังหรือไม่ เราจะได้รู้กันในกลางเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้

logoline