สภาวะภัยแล้งจะรุนแรงยาวนานไปจนถึงเดือนพฤษภาคม2563 โดยเฉพาะในภาคเหนือ เนื่องจากน้ำต้นทุนมีปริมาณน้อย ช่วงเวลาที่จะเกิดสภาวะวิกฤติ คือ ตั้งแต่มกราคม กุมภาพันธ์ จะขาดแคลนน้ำอย่างหนัก เนื่องจากน้ำต้นทุนไม่พอ โดยไทยจะกลับมามีฝนในเดือนพฤษภาคม เมื่อเข้่สู่ของฤดูฝน สาเหตุที่ทำให้ฝนน้อยเกิดจากอุณหภูมิสูงขึ้น และจากปรากฎการณ์เอลณีโญ จึงเตือนให้ประชาชนพร้อมรับมือ ทั้งการอุปโภค บริโภค เช่นเดียวกับภาคการเกษตร การทำนา ควรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ไม่ควรเสี่ยงลงมือทำการเกษตรและหวังน้ำในภายภาคหน้า เพราะแล้งก็คือแล้งจริงๆ
สำหรับสถิติภัยแล้ง สภาวฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ที่กรมอุตุนิยมวิทยาบันทึกไว้ อันดับ1 ปี2522 อันดับ2 ภัยแล้งปี2538 และ อันดับ 3 คือ ปี2562 ที่ปริมาณฝนน้อย ถือว่ารุนแรงในรอบ40ปี รุนแรงกว่าปี2558-2559 ที่เกิดภัยแล้งรุนแรง จนถึงขั้นต้องนำน้ำใต้เขื่อนมาใช้ ประชาชนในภาคกลาง กรุงเทพ ปริมณฑล ได้รับผลกระทบด้านการประปา ต้องแย่งน้ำกันใช้ ถนนทรุดริมคลองพังหลายสาย และยังเกิดปัญหาน้ำเค็มจากทะเลรุกเข้ามาถึงปทุมธานี กระทบการใช้น้ำดิบในการผลิตประปาให้กับคนกรุงเทพมหานคร