svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"วีระ-ศรีสุวรรณ-มาร์ค พิทบูล" อภิปรายอัดรัฐอุ้มปารีณารุกที่ ซัดใช้ กม.2 มาตรฐาน

22 ธันวาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

วงอภิปรายตรวจสอบการคอรัปชั่นอำนาจ ใครอุ้มปารีณา? เดือด "ศรีสุวรรณ" เตือน พปชร.สนุนคนทำผิดเสี่ยงผิดกม.ยุบพรรค "วีระ" พร้อมลุยสอบพบทพบหน่วยสร้างความถูกต้อง ทำ กม.ศักดิ์สิทธิ์

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.62 - ที่ห้องประชุมชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถ.สามเสน เมื่อเวลา 10.00 น. เครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่นและภาคประชาชน จัดอภิปรายเวทีสภาที่ 3 ตรวจสอบการคอรัปชั่นอำนาจ กรณีใครอุ้มปารีณา ? โดยมี "นายวีระ สมความคิด" เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) , "นายศรีสุวรรณ จรรยา"  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย , "นายบุญส่ง ชเลธร" นักวิชาการ , "นายณัชพล สุพัฒนะ" หรือมาร์ค พิทบูล นักเคลื่อนไหวทางสังคม และอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ ร่วมอภิปราย 

"วีระ-ศรีสุวรรณ-มาร์ค พิทบูล" อภิปรายอัดรัฐอุ้มปารีณารุกที่ ซัดใช้ กม.2 มาตรฐาน



ซึ่ง "นายวีระ" เลขาธิการ คปต. กล่าวถึงการตรวจสอบว่า ตนเชื่อว่า ประชาชนเขารอดูวันดูที่หากกระบวนการต่างๆ โดยเฉพาะกฎหมายบอกว่าปารีณาไม่ผิด ไม่ลงโทษปารีณา ถ้าถึงวันนั้นคนที่รับผิดชอบคือรัฐบาล อำนาจคุณมีควรจะทำอย่างตรงไปตรงมา ควรทำในสิ่งที่ที่ควรจะเป็นควรให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นในสังคม เพราะคุณเป็นผู้มีอำนาจรัฐ ก็ต้องใช้อำนาจรัฐนี้กับคนทั้งประเทศ ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) ตนจะรอคำตอบจากกองบัญชาการสอบสวนกลางว่าจะแจ้งเรื่องที่ตนร้องเรียน จะถูกส่งไปยังหน่วยงานใดบ้าง และหากผมทราบว่ากรณีของ น.ส.ปารีน่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดตนก็จะเดินทางไปพบกับผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องนั้นๆเพื่อขอดูหลักฐานทั้งหมดว่าได้ทำอะไรไปบ้าง 

"วีระ-ศรีสุวรรณ-มาร์ค พิทบูล" อภิปรายอัดรัฐอุ้มปารีณารุกที่ ซัดใช้ กม.2 มาตรฐาน


โดยตนก็จะคอยติดตามการทำงานโดยตลอด "เรื่องนี้ผมจะไม่ปล่อยผมจะทำอย่างเต็มที่และจะทำอย่างดีที่สุดเพราะผมถือว่าผมอยากอยู่ในประเทศที่มีความเท่าเทียมกันทางกฎหมายแต่ในเมื่อประเทศนี้รัฐบาลทำให้กฎหมายเท่าเทียมกันไม่ได้ผมหวังจากรัฐบาลไม่ได้ผมก็จะทำเองและผมอยากให้ประชาชนทำอย่างผมหากคุณอยากอยู่ในสังคมที่มีความเป็นธรรม ในสังคมที่มีความยุติธรรมให้คุณได้พอสมควรคนต้องลงมือทำเอง เพราะถ้ารัฐบาลไม่ทำให้คุณแล้วรัฐบาลยังทำตรงกันข้าม ผมก็ไม่นั่งงอมืองอเท้า ผมจะลงมือทำ ผมมีความรู้ทางกฎหมายพอสมควร ผมมีความตั้งใจ และผมมีความบริสุทธิ์ใจที่อยากจะได้ความเป็นธรรมอยากเห็นประเทศนี้มีความเป็นธรรมให้กับประชาชนทุกคน นี่สิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย และเรากำลังช่วยกันรักษาความถูกต้อง" นายวีระ กล่าว 
หากการกระทำของตนจะถูกดำเนินคดีข้อหาใดๆ ตนก็พร้อมจะสู้อย่างถึงที่สุดด้วย เพราะสิ่งที่ตนกำลังทำคือการักษาความถูกต้องให้เกิดขึ้นในสังคม เราไม่ได้ช่วยคนทำผิดกฎหมาย โดยตนไม่ได้ท้าทายแต่เป็นการแสดงความจริงใจ คนที่ทำผิดต่างหาก คนที่เอาเปรียบสังคม ทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่จะต้องกลัว และหยุดการกระทำเพราะกฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ แล้วหากเลือกจะเสี่ยงทำผิดเองก็ต้องไม่มีใครช่วยคนที่ทำผิดกฎหมายแล้วสังคมจะอยู่ได้ ขณะที่ "นายศรีสุวรรณ" เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการจัดการปัญหาที่ดินว่า ตาม พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 กำหนดไว้ค่อนข้างชัดเจนใน มาตรา 26 (4) ว่า ถ้าเป็นที่ดิน ส.ป.ก.ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 


เมื่อ ครม. มีมติให้ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้ว ส.ป.ก.ต้องนำที่ดินนั้นไปปฏิรูปที่ดิน ไปตรา เป็นพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดเขตที่ดิน และใน มาตรา 26 (4) วรรคสอง กำหนดว่าเพื่อประโยชน์แห่ง การดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ฎ.นี้ เป็นเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ และมีอำนาจตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ และตามกฎหมาย ส.ป.ก. ดังนั้นเป็นข้อสรุปชัดเจนว่า อำนาจของ ส.ป.ก.โดย เลขาธิการ ส.ป.ก.สามารถดำเนินคดีต่อผู้บุกรุก ในทีนี้คือ น.ส.ปารีณาได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอกฤษฎีกาว่าตกลงกรณีที่ดินของปารีณา ใครเป็นผู้มีอำนาจที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษหรือดำเนินคดี
ดังนั้นเมื่อกฎหมาย ส.ป.ก. เขียนให้อำนาจ ส.ป.ก.ไว้เช่นนี้ ก็เป็นหน้าที่ของ เลขาธิการ ส.ป.ก.ไปดำเนินการ ไม่ควรใช้เทคนิคในการถ่วงเวลา และนอกจากความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ แล้วที่ดินดังกล่าวก็ยังผูกพันกับในเขต พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ด้วย ซึ่งมาตรา 54 เขียนไว้ชัดเจนเลยว่าห้ามผู้ใดก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาทำลาย หรือการกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดครอบครองป่าเพื่อคนอื่น เช่นนี้ก็มีความผิด หรือผู้ใดได้ครอบครองป่าที่ถูกแผ้วถางที่ทำโดยฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว ก็ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำด้วย ดังนั้นที่ น.ส.ปารีณาอ้างว่า ซื้อที่ดินมาจากคนอื่น ไม่ได้มีสภาพป่าอีกแล้ว กฎหมายก็ไม่ได้ยกเว้นให้ นอกจากนั้นในมาตรา 74 ยังระบุไว้ชัดเจนว่าเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิดทั้งหลายต้องริบ แม้ว่าจะถูกศาลพิพากษาหรือไม่ ดังนั้นการที่มีการปล่อยให้ น.ส.ปารีณาไปขนเครื่องไม้เครื่องมือออกมาจากฟาร์มในที่ดินตรงนี้
ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานเพราะอุปกรณ์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเล้าไก่รถแทรกเตอร์ รถบรรทุกที่อยู่ในฟาร์ม ถือว่าเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่ใช้ในการกระทำความผิดทั้งสิ้น ดังนั้นต้องริบให้มาเป็นของรัฐแล้วเข้าสู่กระบวนการของรัฐในการขายทอดตลาดแล้วนำเงินเข้าสู่รัฐ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เกิดขึ้นเลย แต่ไปมุ่งเป้าเพียงว่าตกลงใครจะมีอำนาจดำเนินคดี ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ที่ล่าช้า ทำให้มีข้อเปรียบเทียบ และคนตำหนิทั้งประเทศว่า มี 2 มาตรฐานหรือไม่ หรือไม่มีมาตรฐาน และยังมี ประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 360 บัญญัติไว้ด้วยว่า ผู้ใดทำลาย ทำให้เสียหายซึ่งทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ หมายถึงทรัพยากรของชาติ ผู้นั้นย่อมมีความผิด มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี แต่อันนี้ไม่มีใครพูดถึง ดังนั้นเมื่อเป็นทรัพยากรของชาติ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเลขาธิการ ส.ป.ก. , อธิบดีกรมป่าไม้ , รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ต้องดำเนินการ จะโบ้ยไปให้คนอื่นไม่ได้ ซึ่งตนขอถามเนติบริกรว่าไม่รู้เลยหรือว่ามีกฎหมายเหล่านี้อยู่ "นายศรีสุวรรณ" กล่าวอีกว่า เรื่องที่ดินยังมีนักการเมืองอีกมากที่ยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐในรูป ภบท.5 ซึ่งที่ดินนั้นเป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน
โดยก่อนหน้านี้ ต้นก็ได้ไปยื่นเรื่องต่อเลขาธิการ ส.ป.ก. ให้ตรวจสอบเอาผิดกับนักการเมือง 12 คน ประกอบด้วย ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ , พรรคภูมิใจไทย , พรรคเพื่อไทย , พรรคอนาคตใหม่ และอดีต สนช. ที่เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ไว้ในการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. เหมือน น.ส.ปารีณา ก็รอว่าหากภายใน 90 วัน ไม่ดำเนินการเรียกคืนที่ดินหรือดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมาย ตนก็จะดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้ และวันพฤหัสบดีที่ 26 ธ.ค. นี้ เวลา 10.30 น. จะไปยื่นหนังสือและข้อมูลให้ อธิบดีกรมป่าไม้ ที่สำนักงานกรมป่าไม้ ถ.พหลโยธิน เพื่อตรวจสอบ กรณีนักการเมือง 20 คน ยึดถือครอบครองที่ดินในรูป ภบท.5 ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินไว้ ป.ป.ช.ไว้ด้วย และถ้าไม่ดำเนินการภายในก็ 90 วัน ก็เหมือนกันเราจะฟ้องเพราะถือว่า มีการตั้งประเด็นข้อพิพาทและได้ทำหนังสือบอกกล่าวแล้ว ก็เป็นการใช้สิทธิตามครรลองกฎหมายทุกประการ อย่างไรก็ดี ตนขอฝากถึงว่าพรรคพลังประชารัฐด้วยว่าถ้าใครออกมาปกป้องบุคคลที่อยู่ในพรรคของท่านไม่ว่าจะเป็น ส.ส. หรือใครก็แล้วแต่ ปกป้องผู้ที่ยึดถือครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ปกป้องนักการเมืองที่ยึดถือครอบครองที่ดิยในรูป ภบท.5 ตนจะตีความว่าพรรคพลังประชารัฐ อาจเข้าข่ายมีเจตนาที่จะช่วยเหลือ สนับสนุนการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งก็จะมีความผิดตามมาตรา 45 พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ
ซึ่งก็มีเหตุที่จะนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองนั้นได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ชัดตนก็เฝ้าดูอยู่ก็ฝากเตือนถึงบุคคลในพรรคด้วย "คิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราช่วยกันต้องทำให้ประเทศนี้ มีกฎหมาย เป็นกฎหมายเสียที ถ้าปล่อยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนักการเมืองเราก็จะเป็นเห็นผลการกระทำเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่เดชะบุญที่วันนี้ทั้งพี่น้องคนทั้งประเทศที่ติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านโซเชียมีเดียและสื่อต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชนให้ความสนใจ ดังนั้นเรื่องนี้ผมมั่นใจว่าไม่สามารถเป็นมวยล้มต้มคนดูได้ แต่อาจจะมีกรณีที่เรื่องล่าช้าได้ ดังนั้นก็ต้องช่วนกัน" ด้าน "นายณัชพล สุพัฒนะ" หรือมาร์ค พิทบูล อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ กล่าวว่าวันนี้ประเทศเราใครมีอำนาจ คนนั้นคือกฎหมาย เรื่องนี้ใครใครอุ้มปารีณาก็คงรู้แล้ว
อย่างไรก็ดีการที่ใช้กฎหมายทำร้ายคนอื่น อย่างกรณีของพรรคอนาคตใหม่ ตนแม้จะเป็นคู่ต่อส้ทางการเมืองกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ แต่ตนก็ชูให้เขาเป็นแม่ทัพฝ่ายประชาธิปไตยเพราะเป็นคนที่กล้าลุกขึ้นมาชนกับอำนาจฝ่ายทหาร อำนาจการปกครองของรัฐ ขณะที่ตนเชื่อว่าประชาชนที่ออกมาก็กำลังรอดูเหมือนกันว่า คดี น.ส.ปารีณาผลจะออกมาเป็นอย่างไร นั่นคือการส่งสัญญาณว่าเราจะลุยกันหรือไม่ การใช้อำนาจในการกลั่นแกล้งคนหนึ่งมาตลอดโดยที่นายธนาธรก็ไม่ได้อยากลงถนน แต่เขาสู้ในสภาไม่ได้เพราะถูกตัดสิทธิ เมื่อไม่มีทางเลือกจึงต้องมาลงถนน


ซึ่งตนก็ยินดีเป็นแนวร่วม เพราะที่ผ่านมาตนเคยทำทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมายในการร้องเรียน แต่กลับกลายเป็นต้องมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ ส่วนเรื่องร้องเรียนไม่มีความคืบหน้า วันนี้อำนาจรัฐคุณเลือกปฏิบัติใครอยู่ข้างคุณก็ไม่ทำอะไร อย่างไรก็ดี เชื่อว่ากรณีของ น.ส.ปารีณาจะเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองของประเทศด้วย ประชาชนรอดูว่าจะจบอย่างไร "นายณัชพล" หรือมาร์ค พิทบูล ยังกล่าวถึงการเมืองด้วยว่า ที่เป็นประเด็นกันในทุกวันนี้ การทำพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคล้วนแต่มีเจ้าของ เพราะต้องใช้เงินใช้ทุน ดังนั้นนายทุนของพรรคให้เงินกับพรรคการเมืองเพื่อจะได้อำนาจ การผูกขาดต่างๆ นานาเดี๋ยวนี้เศรษฐีในประเทศรวยจากอำนาจรัฐ รวยจาก สัมปทาน ไม่เหมือนเศรษฐีต่างประเทศที่รวยด้วยฝีมือ ทำมาหากิน ประเทศเราทุกคนต่างแสวงหาอำนาจ ใช้อำนาจในการบิดเบือน ประชาชนเป็นเพียงเบี้ยล่างเวลาออกมาชุมนุมก็โดนคดีตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะอีกทั้งที่คือสิ่งเดียวที่มีอยู่ หากอยากรู้ใครดีจริงหรือไม่ดีลองเอาอำนาจใส่มือ ประเทศเราเสียเวลาไป 5 ปีคิดว่าจะสีประชาธิปไตย จะปฏิรูปให้ดีขึ้น มีการเลือกตั้ง สุดท้ายเหมือนเตะหมูเข้าปากหมา วันนี้อำนาจรัฐส่วนมหญ่เอื้อนายทุน ควรแก้เรื่องสัมปทานเหมือนกรณีทางด่วนจะขึ้นค่าทางด่วนอีก ควรแก้กฎหมายเป็นสมบัติประเทศชาติหรือยัง และตนอยากให้แก้รัฐธรรมนูญให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเพราะการชุมนุมเป็นเครื่องมือสุดท้ายของประชาชนแล้วทำไมจึงมาปิดกั้นประชาชนเรียกร้อง
ซึ้งหน้าที่ของ ประชาชนไม่ใช่แค่การกากบัตรเลือกตั้งแต่มีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ ต้องยกเลิกกฎหมายเผด็จการทุกฉบับ ประชาชนควรมีสิทธิในที่ดินทำกิน ไม่ใช้นักการเมือง และไม่ใช่กฎหมายเป็นเครื่องมือทำร้ายฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นถึงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะผิดคำสัญญาตั้งแต่ที่ว่าจะปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปตำรวจ คืนความสุข แล้ววันนี้ทำหรือยัง อย่าง ส.ว.ทั่วโลกมีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย สภาล่าง (ส.ส.) มีหน้าที่รับความทุกข์ประชาชนมาผลักดันเป็นกฎหมาย แต่วันนี้เรามี ส.ว.ปกป้องนายกฯ เลือกนายกฯ และการยุบพรรคตัดสิทธิประชาชน ทั้งที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิเข้าถึงนักการเมือง วันนี้ให้คนออกมาเลือกตั้ง แต่กลับตัดสิทธิคนที่อยากทำการเมือง
ดังนั้นวันนี้คนที่ควรจะตัดสิทธิ ส.ส.ได้ คือ ประชาชน หากชอบใครก็เลือกเข้าสภา ไม่ชอบก็ไม่ได้นับเลือกเข้าสภา ไม่ใช่ใช้กฎหมายยุบพรรคมากลั่นแกล้ง อยากให้ยกเลิกกฎหมายที่วางกติกาไม่ส่งเสริมประชาธิปไตย แต่ส่งเสริมให้ประชาชนใช้อำนาจใช้สิทธิของเขา ดังนั้นวันนี้ไม่ใช่แค่การโอบอุ้ม น.ส.ปารีณาแต่เป็นการอบอุ้มพวกตนเองทั้งหมด ซึ่งกรณีของ น.ส.ปารีณาตนเห็นว่าเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่รอดู ด้าน "นายบุญส่ง" นักวิชาการ กล่าวว่า กรณี น.ส.ปารีณา ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่องใหญ่มากๆ ที่กระทบหลักนิติธรรมินิ นิติรัฐในการช่วยคนๆ เดียว ตนสงสัยว่าคนดีๆ ที่อยู่ในคณะรัฐบาล คนดีๆที่อยู่ไหนพรรคพลังประชารัฐมองไม่เห็นหรือว่าสิ่งเหล่านี้คือการขุดหลุมศพให้กับตัวเอง โดยเรื่องที่ดินมีการดำเนินคดีและจับคนมาแล้วกว่า 46,000 คดี คนส่วนหนึ่งเป็นชาวบ้าน แต่พอมาเป็นคนของคุณคนเดียวกลับพิทักษ์ปกป้องเขา นี่จะเป็นการประกาศของพรรครัฐบาลของฝ่ายรัฐบาลใช่หรือไม่ว่าหากคุณมาอยู่ใต้ร่มของตนแล้วจะได้รับความคุ้มครอง
โดยสิ่งเหล่านี้ถามว่าเคยเกิดขึ้นมาหรือยัง ก็เคยเกิดมาเป็นระยะระยะโดยผู้มีอำนาจก็จะหลงตัวเองเมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจแล้วก็จะคุ้มงบประมาณมหาศาลคุมกำลังคนทำทุกอย่างก็เพื่อไว้เพื่อการรักษาอำนาจให้ให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ โดยตุณคุมและเขียนกฎหมายขึ้นมา เพื่อสนับสนุนกลุ่มของพวกคุณเองตลอดเวลาและเมื่อคิดว่าคงได้แน่นอนอย่างนั้นแล้วก็จะทำในสิ่งที่ทำลายหลักเพราะไม่คิดว่าใครจะลุกขึ้นมา เพราะหากใครพูดผิดสักคำก็จะเล่นงานด้วยกฎหมาย เช่น การดำเนินคดีหมิ่นประมาท

logoline