จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปเกิดเหตุทะเลาะกันภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมระบุว่า เมื่อวาน มีเรื่องอาม่าไปนั่งเฝ้าหลาน แล้วคุยโทรศัพท์เสียงดัง รบกวนเด็กกับผู้ปกครอง เขาติวหนังสือกัน มีผู้ปกครองบ่นว่าพูดดัง อาม่าหันไปด่ากราด เด็กผู้ชายก็หันไปว่าอาม่า ว่าที่นี่โรงเรียน อย่ามาทำเสียงดัง แล้วก็เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้ไลฟ์สดอธิบายผ่านทางเพจทนายคู่ใจ ถึงข้อกฎหมาย กรณีการทะเลาะวิวาทกัน ระหว่างอาม่าและเด็ก ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้
เรื่องนี้น่าสนใจ เพราะในมุมมองทางกฎหมาย การมีเรื่องกัน ด่าทอกันไปมา กฎหมายยังไม่ได้เอาผิด ถ้าไม่ใช่เป็นการดูหมิ่นซึ่งๆหน้าแต่ถ้าเกิดด่ากันไป ด่ากันมาแล้วใช้กำลังกัน เหมือนในคลิปนี้ ที่อาม่าตบหน้าเด็ก แล้วเด็กสวนกลับถ้าจะดูว่าผิดทางกฎหมาย ต้องดูตั้งแต่ก่อนอาม่าตบ ว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร โดยจะอ้างว่าเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาทได้แต่ตัวน้องจะอ้างว่าเป็นการป้องกันตัว ต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำความผิดเลย
ผมอยากจะฝากข้อคิด ถ้ามีเรื่องแบบนี้ยังไงก็ผิดกฎหมาย ไม่ได้บอกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ผิดแต่จะผิดมากผิดน้อยขึ้นอยู่กับคู่กรณีเจ็บมากน้อยเพียงใด ตบหน้าเขาผิดเรื่องทำร้ายร่างกายทำร้ายร่างกายแบบไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ หรือ ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ จะลหุโทษ หรือ มาตรา 295 ซึ่งโทษ 2 ปี ปรับ 4 หมื่น อยู่ที่บาดแผลที่ทำร้ายร่างกาย
แต่แน่นอน ว่าผู้ใหญ่ทะเลาะกับเด็ก กฎหมายคุ้มครองเยาวชน ประการแรก ถ้าอาม่ามีการแจ้งความร้องทุกข์ ว่าเด็กทำร้ายร่างกายเด็กจะได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ตามวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน ต่อให้เด็กสวนกลับจนอาม่าน็อคสลบคาที่ ยังไงเด็กก็ไม่ถูกส่งเข้าสถานพินิจ เพราะอาม่าไปตบเขาเอง แต่อาม่าต้องขึ้นศาลผู้ใหญ่ ทำร้ายร่างกายไม่สามารถยอมความได้
ชมคลิปต้นฉบับ