เมื่อเวลา 10.00 น. (19 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่อัยการ ฟ้องนายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาว สปป.ลาว เครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ เป็นจำเลย ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ , ร่วมกันนำเข้ายาบ้าซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยในวันนี้ศาลได้เบิกตัวจำเลย จากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางมาฟังคำพิพากษา
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2559 จำเลยกับพวก ได้ร่วมกันนำยาบ้าจำนวน 1.2 ล้านเม็ดจาก สปป.ลาว ซุกซ่อนในช่องลับใต้หลังคารถยนต์ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย เข้ามาในประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมเครือข่ายจำเลย พร้อมยึดยาของกลางได้ ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ
กระทั่งวันที่ 20 มี.ค.62 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาประหารชีวิต นายไซซะนะ แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุกตลอดชีวิตโดยวันนี้ศาล ได้ตรวจประชุมสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า การที่จำเลยอ้างว่าในชั้นสอบสวนอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากเป็นบุคคลสัญชาติลาว ไม่เข้าใจกฎหมายไทย ข้อเท็จจริงปรากฎว่า พนักงานสอบสวน ได้แจ้งสิทธิต่าง ๆ แก่จำเลย พร้อมกับเชิญล่ามแปลภาษา และจัดให้มีทนายความ หากจำเลยไม่เข้าใจสามารถสอบถามทนายความได้
ซึ่งคดีนี้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย และแม้จะเป็นชาวต่างชาติ กระทำการนอกราชอาณาจักรไทย แต่เป็นการกระทำเพื่อทำความผิดในราชอาณาจักรไทย ต้องรับโทษตามกฎหมายไทย พยานหลักฐานของจำเลย ไม่มีน้ำหนักมากพอหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ พิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิตตามศาลชั้นต้น