แม่ปัดถูกสลัดรัก-ปมลูกสาว ป.5 แขวนคอในห้องน้ำโรงเรียน
แม่ปฏิเสธ ลูกสาว ป.5 แขวนคอในห้องน้ำโรงเรียน อาการโคม่า ไม่เกี่ยวกับถูกรุ่นพี่ ม.1 เทรัก หมอเตรียมผ่าตัดเร็วๆนี้ หลังมีอาการสมองบวม จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่ามีเด็กนักเรียนพยายายามผูกคอตัวเองในห้องน้ำของโรงเรียนบ้านแจ่งกู่เรือง หมู่ที่ 4 ต.เวียง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลพร้าวอาการของเด็ก ไม่รู้สึกตัวได้ถูกส่งต่อมารักษาตัวที่ โรงพยาบาลนครพิงค์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ล่าสุดเช้าวันนี้(18 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้พบกับนางวันเพ็ญ วงค์คำช่วยอายุ 43 ปี แม่ของเด็ก ทราบว่าลูกสาวนั้น ยังไม่รู้สึกตัว ทางแพทย์ได้เจาะคอ ใช้เครื่องช่วยหายใจนอนรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรม อุบัติเหตุ เด็ก ซึ่งลูกสาวมีอาการสมองบวมทางแพทย์กำลังจะเตรียมผ่าตัดในเร็วๆนี้
นางวันเพ็ญ เล่าอีกว่า สาเหตุนั้นตนไม่ทราบว่าเพราะอะไรที่ลูกสาว ได้คิดสั้นแบบนี้ เนื่องจากลูกสาวขณะที่อยู่บ้านเป็นคนร่าเริง ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าลูกสาวได้ไปหลงรักนักเรียนรุ่นพี่ชั้น ม.1 แล้วถูกเทรัก ก่อนที่จะมาพยายามแขวนคอตายนั้นขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจริง
ส่วนสาเหตุ ลูกสาวไม่มีลางบอกเหตุว่าจะก่อเหตุแบบนี้ขึ้นหลังจากที่ลูกสาวไปเรียนหนังสือแล้ว ในวันเกิดเหตุ คือ ช่วงเวลา 10.00 น.ของวันที่ 28 พฤศจิกายน ได้มีครูโทรศัพท์มาบอกว่าขณะที่ลูกสาวกำลังเรียนวิชาคอมพิวเตอร์อยู่นั้นได้ขอลาไปเข้าห้องน้ำ และเพื่อนเห็นว่าไปเข้าห้องน้ำ นานผิดสังเกต จึงตามไปดูพบเพื่อน ใช้ผ้าขนหนูผูกคอตัวเองในห้องน้ำจึงแจ้งคณะครูและเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือปลดร่างลูกสาวนำส่งโรงพยาบาลพร้าว แต่ลูกสาวมีอาการหนัก จึงถูกส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลนครพิงค์
หลังจากเกิดเหตุทางผู้อำนวยการโรงเรียนได้มาเยี่ยมและได้มอบเงินช่วยเหลือให้จำนวน 3,000 บาท ขณะนี้ครอบครัวเดือดร้อนมากเนื่องจากสามีทำงานเป็นพนักงานรับจ้างกวาดขยะของเทศบาลตำบลเวียง อ.พร้าว และตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวด้านนางกรองศิริ กองสุดยอด ผู้อำนวยการกลุ่มอำนวยการ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ได้มาเยี่ยมและให้กำลังใจครอบครัวของเด็กผู้เคราะห์ร้าย รายนี้เพื่อจะนำข้อมูลไปนำเรียนต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อให้รับการช่วยเหลือต่อไป
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม จังหวัดเชียงใหม่ ได้มา เยี่ยมดูอาการเด็ก พร้อมกลับมาหาข้อมูล จากผู้ปกครองเด็ก เพื่อเตรียมข้อมูลในการช่วยเหลือกับครอบครัวต่อไป