ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นผู้จัดการชุมนุม ร่วมจัดการชุมนุม รวมถึงพิจารณาความผิดตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ชุมนุมสาธารณะว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่
เบื้องต้น มีการสอบปากคำพยานจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนรวมทั้งหมด 11 ปาก ที่เนื้อหาคำให้การอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ส่วนการเชิญชวนผ่านโลกโซเชียลมีเดียมีความผิดหรือไม่ อย่างไร อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนการออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการให้เร็วที่สุด และขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างรอบคอบก่อน
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินคดีที่อาจเข้าข่ายเป็นความผิด ประกอบด้วย 1.การชุมนุมในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.การชุมนุมในลักษณะกีดขวางการใช้บริการสาธารณะ 3.ผู้จัดการชุมนุมไม่ควบคุมผู้มาร่วมชุมนุม ทำให้เกิดความไม่สะดวกต่อผู้ใช้ทางสาธารณะ ทั้งนี้ะ จะมีใครเข้าข่ายบ้างนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนความผิดจากการยุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116 ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามกรณีการชุมนุมที่มีการแจ้งขอชุมนุมกับทางตำรวจแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตอบรับ จะมีความผิดหรือไม่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ตามขั้นตอน เมื่อยื่นเรื่องขออนุญาตชุมนุมแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะออกข้อกำหนดมาเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตาม ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็จะมีความผิด ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางผู้จัดการชุมนุมไม่ได้แจ้งขออนุญาตมา
ส่วนกรณีมีนักศึกษาเตรียมจัดกิจกรรม "วิ่ง.ไล่.ลุง" ในวันที่ 12 ม.ค.2563 เบื้องต้น ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งว่าจะจัดกิจกรรมดังกล่าวมาถึง บช.น. มีเพียงประกาศในโซเชียลฯ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะสามารถจัดได้หรือไม่นั้น ทาง บก.จร. จะเป็นผู้พิจารณาการขออนุญาต เนื่องจากเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.จราจรทางบก หากไม่มีการยื่นเรื่องขออนุญาตแล้วไปจัดกิจกรรมวิ่ง ก็จะต้องมีการพิจารณาก่อนว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบด้วยว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุม หรือไม่