svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ช็อปปิ้งเยอะ=โลกร้อน

13 ธันวาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ช่วงสิ้นปีแบบนี้นอกจากจะนึกถึงเทศกาลต่างๆอย่างคริสต์มาสและปีใหม่อีกเทศกาลที่หลายคนรอคอยก็คือเทศกาลลดราคาสินค้าทั้งตามห้างสรรพสินค้าและเว็บช็อปปิ้งออนไลน์แต่ล่าสุดการเทศกาลลดราคาแบบนี้ถูกมองว่าเป็นการก่อให้เกิดสังคมบริโภคนิยมและส่งผลกระทบต่อโลกร้อนด้วย ติดตามกับคุณมัฐฌญากร มีทรัพย์ปรุง


หลายคนอาจจะคุ้นเคยภาพรถติดบริเวณห้างสรรพสินค้าในช่วงสิ้นเดือน ช่วงที่หลายคน เงินเดือนออกและออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าต่างๆพร้อมกัน แต่ในปัจจุบันช่วงเวลาที่ มีคนซื้อสินค้ากันมากที่สุดกลับไม่ใช่สิ้นเดือนอีกต่อไป แต่เป็นช่วงเทศกาลลดราคาสินค้า ตามโอกาสต่างๆ ที่ร้านค้าส่วนใหญ่หรือแบรนด์ดังเกือบทุกแบรนด์ทั่วโลกจะหั่นราคา สินค้าพร้อมกันเพื่อดึงดูดลูกค้าแลกกับยอดขายจำนวนมหาศาลย้อนกลับไปดูเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ที่เพิ่งจบไป อย่างวันคนโสดซึ่งถือเป็นเทศกาลลด ราคาที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ สาเหตุที่เรียกวันคนโสดเพราะตรงกับวันที่ 11 เดือน 11 ซึ่ง มีแต่เลข 1 เรียงกัน ก็ก็เลยถือว่าเป็นเลขของคนโสด เทศกาลนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากจีน แต่ ตอนนี้ก็เริ่มเป็นที่นิยมไปทั่วโลกหลังบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนอย่างอาลีบาบา และเว็บช็อปปิ้งออนไลน์อื่นๆ นำมาใช้เป็นจุดขายในการลดราคาสินค้าครั้งใหญ่โดยวันคนโสดของปีนี้ เฉพาะยอดขายของอาลีบาบาได้สร้างสถิติใหม่ด้วยรายได้ รวม 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.1 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลา 24 ชม. เท่านั้น เพิ่มขึ้นจากรายได้วันคนโสดของปีที่แล้วกว่า 26%มาดูในฟากฝั่งสหรัฐกันบ้าง มีเทศกาลช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดส่งท้ายปลายปีก่อนเทศกาล คริสต์มาส ก็คือ วันแบล็ค ฟรายเดย์ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน พ.ย. หลัง จากวันขอบคุณพระเจ้า และวันไซเบอร์ มันเดย์ ซึ่งเป็นวันจันทร์แรกหลังจากวันหยุดขอบ คุณพระเจ้า โดยร้านค้าต่างจัดโปรโมชันลดราคากระหน่ำเพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้าย ปลายปี และยอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ทำสถิติพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีในวันแบล็ค ฟรายเดย์ ของปีนี้ ตรงกับวันศุกร์ที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา มียอดสั่งซื้อสินค้าทาง ออนไลน์มากถึง 7,400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นยอดซื้อสินค้าทางออนไลน์มากที่สุดในวันแบล็ค ฟรายเดย์เท่าที่เคยจัดมา และเพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากปีที่แล้ว

นอกจากนี้มูลค่าเฉลี่ยของสินค้าที่ผู้บริโภคซื้อต่อคนเพิ่มสูงขึ้น กว่า 5,000 บาทหรือเพิ่มขึ้น เกือบ 6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ยอดซื้อสินค้าตามร้านค้าปลีกกลับลดลง 6.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพราะหลายคนไม่อยากอดหลับอดนอนเข้าแถวรอห้างเปิดและเบียด เสียดแย่งชิงสินค้ากันเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะตื่นเต้นยินดีกับมหกรรมลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์เหล่านี้ มีหลายคนที่ ไม่เห็นด้วย เพราะนี่คือการส่งเสริมให้เกิดสังคมบริโภคนิยม

โดยเฉพาะที่เป็นข่าวล่าสุดก็คือ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ประมุขแห่งคริสตจักร โรมันคาทอลิก เทศนาเมื่อวันอาทิตย์ โดยเปรียบเทียบว่า การบริโภคนิยมเป็นไวรัสที่ ทำลายรากฐานความศรัทธาของศาสนิกชน ทำให้พวกเขาลืมนึกถึงการช่วยเหลือคนจน คนตกทุกข์ได้ยาก เพราะทำให้ทุกคนนึกถึงแต่ตัวเอง นึกถึงสิ่งที่อยากได้อยากมี

นอกจากนี้ก็มีนักสิ่งแวดล้อมที่ออกมารวมตัวประท้วงในหลายเมืองทั่วโลก เพื่อต่อต้าน เทศกาลลดราคาสินค้า โดยเฉพาะแบล็ก ฟรายเดย์ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกคนหยุดซื้อ หยุดบริโภคเกินความจำเป็น ผู้ประท้วงบางกลุ่มถึงกับรวมตัวกันปิดกั้นบริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้า มีการถือป้ายที่มีข้อความเชื่อมโยงว่า "บริโภคนิยม เท่ากับวิกฤติโลกร้อน"

ซึ่งถ้าถามว่า "บริโภคนิยม เท่ากับวิกฤติโลกร้อน" จริงไหม เรื่องนี้ถือว่ามีส่วนสูง เพราะคำ สั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก ก็หมายถึงกล่องพัสดุมหาศาลที่จะกลายเป็นขยะ ยกตัวอย่างสถิติ วันคนโสดเมื่อปีที่แล้ว เฉพาะในจีน มีขยะจากการบรรจุหีบห่อสินค้าต่างๆ อย่างโฟม พลาสติก หรือ เทปกาว ในวันคนโสดวันเดียว มีขยะมากถึงเกือบ 3 แสนตัน เทียบเท่ากับ ขวดน้ำพลาสติกหลายพันล้านขวด

แต่แม้จะถูกมองเป็นสังคมบริโภคนิยมบ้าง มองว่าก่อวิกฤติโลกร้อนบ้าง แต่เทศกาลลด ราคาเหล่านี้ไม่น่าจะยุติไปง่ายๆ เมื่อทั้งร้านค้าและแบรนด์สินค้าต่างก็ต้องการเพิ่มยอดขาย ส่วนลูกค้าอย่างเราๆเองต่างก็ต้องการซื้อสินค้าในราคาที่ถูกกว่าปกติ โดยเฉพาะในยุคที่ การซื้อขายง่ายแค่เพียงคลิกนิ้วมือ ปัญหาที่เกิดจากการบริโภคสินค้าจำนวนมหาศาล ก็ยัง เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงและหาทางออกกันต่อไป

logoline