svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ศาลอาญา พิพากษา คุกตลอดชีวิต ราชายานรก และโทษประหารลูกชาย!

12 ธันวาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลอาญา พิพากษา นายเล่าต๋า แสนลี่ จำคุกตลอดชีวิต และลูกชาย โทษประหารชีวิต หลังขอศาลอุทธรณ์ลดโทษ หลังจาก ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย จึงพิพากษายืน ตามศาลชั้นต้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเล่าต๋า แสนลี่ อายุ 80 ปี นักค้ายาเสพติดระดับชาติ, นางอาส่าหม่า แสนลี่ อายุ 70ปี ภรรยา, นางรพีกาญจน์ หรือ จันทร์ฉาย หรือ ไก่ ภพเพชรลักษณ์ หรือ ทรายมูล อายุ 60 ปี, นายวิจารณ์ แสนลี่ อายุ 43 ปี ลูกชาย ซึ่งเป็นอดีตกำนัน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ นายบารมี บารมีเกื้อกูล อายุ 40 ปี ลูกชาย (ต่างนามสกุล) ทั้งหมดเป็นชาว จ.เชียงใหม่ เป็นจำเลยที่ 1-5 ความผิดฐานร่วมกันสมคบและร่วมกันจำหน่ายยาไอซ์ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต, ความผิดพ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490อัยการฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.-11 ต.ค.2559 นายเล่าต๋า นางอาส่ามา และนางรพีกาญจน์ จำเลยที่ 1-3 มียาไอซ์ 1 ถุง หนักกว่า 900 กรัม ซึ่งนำมาจำหน่ายให้กับสายลับ ราคา 550,000 บาท ที่นายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อเจรจาซื้อขายยา
ส่วนนายวิจารณ์ และนายบารมี จำเลยที่ 4-5 เป็นผู้จัดหายาไอซ์ ชนิดผลึกสีขาว จำนวน 20 ถุง หนักประมาณ 19 กิโลกรัมเศษ จำหน่ายให้แก่สายลับที่เข้าล่อซื้อราคา 11 ล้านบาท โดยนายวิจารณ์ กับนายบารมี ยังทำหน้าที่คุ้มกันให้นายเล่าต๋า ระหว่างส่งมอบยาเสพติดด้วย ระหว่างถูกจับกุมนายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนสั้นและปืนยาว รวม 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก

ศาลอาญา พิพากษา คุกตลอดชีวิต ราชายานรก และโทษประหารลูกชาย!


เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมัน "เล่าต๋า ปิโตรเลียม" เลขที่ 137 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ชั้นสอบสวนนายเล่าต๋าและนางอาส่าหม่า ภรรยา ให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเท่านั้น ข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ขณะที่นางรพีกาญจน์ ให้การรับสารภาพโดยตลอด ส่วนนายวิจารณ์ รับสารภาพเฉพาะข้อหากระทำผิดพ.ร.บ อาวุธปืนฯ และนายบารมีให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2560 ว่า จำเลยที่ 1-5 กระทำผิดตามฟ้องทั้ง 2 กรรม ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้านบาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพลดโทษ ในกรรมแรก (99กรัม) จำคุก 25 ปี กรรมที่ 2 (19กก.) ให้จำคุกตลอดชีวิตรวมเเล้วคงจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 2.5 ล้านบาท เเก่จำเลยที่ 1ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้าน รับสารภาพเหลือ 25 ปี ปรับ 2.5 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 3 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิต และฐานพาอาวุธปืน ปรับ 1,000 บาท การที่จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าพนักงานของรัฐให้บวกโทษจำคุกอีก 3 เท่า เมื่อลงโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจบวกโทษให้สูงไปกว่านี้ได้ ส่วนจำเลยที่ 5 ให้ประหารชีวิต
ต่อมาจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ศาลลดโทษ และจำเลยที่ 3, 4, 5 อุทธรณ์ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิด ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์ยอมรับโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์ประชุมองค์คณะปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า คดีนี้จำเลยที่ 1 ขอให้ลดโทษโดยให้ลงโทษสถานเบา แต่มีข้อกฎหมายป.วิอาญามาตรา 245 วรรคสอง เป็นบทบังคับให้ศาลชั้นต้นต้องส่งคำพิพากษาคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในเนื้อหาการกระทำอีกครั้งว่า จำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่ แม้จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ในเนื้อหา คดีจึงต้องพิจารณาว่าจำเลยที่ 1, 3, 4 และ 5 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย จึงพิพากษายืน ตามศาลชั้นต้น

logoline