svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

รองโฆษกตร.ชี้ต้องพิสูจน์ยาบ้า กรณีสิบล้ออ้างถูกยัดยา

11 ธันวาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ายาบ้า 1 เม็ด ที่พบในรถบรรทุกที่มีนายโสภณ เป็นผู้ขับขี่นั้นเป็นของใคร ยินยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนผลสารเสพติดนั้น ทางตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหาเสพยา แต่เป็นการแจ้งข้อหาครอบครอง

กรณีมีการเผยแพร่คลิปการปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามร้อยยอด ที่ ด่านตรวจสามร้อยยอด ถนนเพชรเกษม มีการจับกุมนายโสภณ วงศ์สวัสดิ์ อายุ 47 ปี ชาวต.ปากน้ำชุมพร อ.เมือง จ.ชุมพร ทำให้เจ้าหน้าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ภายหลังตรวจค้นรถบรรทุกพบยาบ้า 1 เม็ด บริเวณที่วางของ ด้านข้างที่นั่งคนขับ ขณะบรรทุกยางพาราจาก จ.ชุมพรไปส่งที่ จ.ระยอง เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พร้อมแจ้งข้อหามียาเสพติดโทษไว้ในครอบครอง แต่ผลการตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาไม่พบสารเสพติด จากนั้นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรม ได้ทำการส่งตัวนายโสภณ ไปตรวจยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ทำการตรวจพิสูจน์หาสารเสพติดจากเส้นผมของนายโสภณ แล้วพบสารไมทราไจนิน (Mitragynine) ซึ่งเป็นสารอัลคาลอยด์ในพืชกระท่อม มีฤทธิ์กดประสาท และระบุได้ว่ามีการเสพพืชกระท่อมในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ตามขนาดเส้นผมของผู้ร้องที่ยาวประมาณ 1.2 เซนติเมตร แต่ไม่มีสารเสพติดที่มีส่วนผสมของแมทเอมเฟตามีน ซูโดเอฟีดรีน ยาบ้า และยาไอซ์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าในวันนี้ทนายความของนายโสภณ วงศ์สวัสดิ์ จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม 7 นาย ที่ตั้งด่านตรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ยศตั้งแต่พันตำรวจตรีถึงดาบตำรวจ ในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพร้อมรับการตรวจสอบจากภาคประชาชน ซึ่งก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของท้องที่ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย 
สำหรับประเด็นการตรวจเส้นผมของนายโสภณ จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ไม่พบสารเสพติดที่มีส่วนผสมของแมทเอมเฟตามีน ซูโดเอฟีดรีน ยาบ้า และยาไอซ์ นั้น ขอชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่จับกุมนายโสภณ ในข้อหาครอบครองยาเสพติด ไม่ใช่ข้อหาเสพสารเสพติด สิ่งที่จะต้องพิสูจน์คือยาบ้าของกลางดังกล่าวเป็นของใคร มีการยัดยาเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

logoline