svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

พาณิชย์กางแผนปี63เน้นการค้าและลงทุนผ่านเอฟทีเอ

11 ธันวาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กางแผนปี 2563 เน้นขยายโอกาสการค้าการลงทุนไทยผ่านFTA ดันลงนาม RCEP เร่งเจรจาปิดดีล FTA คงค้าง เปิดการเจรจากรอบใหม่ๆ และยกระดับ FTA ที่มีอยู่ พร้อมหนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่อวดศักยภาพ จัดประกวดแผนธุรกิจลุยส่งออกตลาดต่างประเทศ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยแผนการทำงานปี 2563 ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ให้กรมฯเร่งทำงานเชิงรุกผ่านการเจรจา FTA  ทั้งเร่งสรุปการเจรจาค้างอยู่ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วและเข้าร่วมการเจรจากรอบใหม่ๆ เพื่อเปิดตลาดลดอุปสรรคทางการค้าให้กับสินค้าและบริการของไทยซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกของไทยขยายตัวมีแต้มต่อในการแข่งขันเมื่อเทียบกับสินค้าและบริการจากประเทศที่ไม่มี FTA  รวมทั้งนโยบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล)ที่ให้เร่งลงพื้นที่เยี่ยมกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ และผู้ประกอบการในจังหวัดต่างๆเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ ชี้โอกาสขยายตลาดและเพิ่มช่องทางการค้าด้วย FTA

พาณิชย์กางแผนปี63เน้นการค้าและลงทุนผ่านเอฟทีเอ

ทั้งนี้ ในปี 2563 กรมฯ ได้กำหนดแผนงานสำคัญออกเป็น 2 ด้าน ดังนี้ ด้านแรก การเจรจาการค้าระหว่างประเทศเพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนของไทย ประกอบด้วย 1. เร่งทำงานร่วมกับสมาชิก RCEP อีก 15 ประเทศ เพื่อขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมายความตกลง RCEPและหาข้อสรุปประเด็นคงค้างของอินเดียให้เป็นที่พอใจร่วมกันให้เสร็จภายในครึ่งแรกของปี 2563  เพื่อให้รัฐมนตรี RCEPลงนามความตกลงร่วมกันได้ในปีดังกล่าวตามที่ผู้นำ RCEP ตั้งเป้าไว้ในการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา 2. เร่งเจรจาปิดรอบความตกลง FTA ที่ค้างอยู่ ทั้งไทย-ตุรกี ไทย-ศรีลังกาและไทย-ปากีสถาน โดยเฉพาะไทย-ตุรกี ที่ทั้งสองฝ่ายตั้งใจสรุปผลการเจรจาให้ได้ในปี 2563

3. เตรียมการเข้าร่วมการเจรจา FTA กรอบใหม่ๆเนื่องจากหลังจากการเลือกตั้งของไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มีประเทศคู่ค้าหลายประเทศแสดงความสนใจจะทำ FTAกับไทยซึ่งไทยเล็งเห็นประโยชน์และโอกาสทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นกับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมของไทยไปตลาดใหม่ๆรวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านการลงทุนของต่างประเทศ โดยกรมฯจะต้องทำการศึกษา ระดมความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและเสนอคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.)และคณะรัฐมนตรีพิจารณาตัดสินใจ  เช่น  FTA ไทย-สหภาพยุโรป ไทย-สหราชอาณาจักร (ภายหลังเบร็กซิท) CPTPP  ไทย-EFTA (สวิตเซอร์แลนด์นอร์เวย์ ลิกเทนสไตน์ และไอซ์แลนด์) ไทย-EAEU (รัสเซีย เบลารุส คีร์กีซสถาน คาซัคสถานและอาร์เมเนีย) เป็นต้น


4. ยกระดับหรือทบทวนปรับปรุงความตกลง FTA ที่ไทยทำแล้วกับหลายประเทศในปัจจุบัน เพื่อเปิดเสรีเพิ่มเติมหรือผนวกเพิ่มข้อบทใหม่ๆ ในความตกลงเพื่อให้เท่าทันสภาพแวดล้อมและรูปแบบทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบันเช่น อาเซียน-จีน  อาเซียน-อินเดียอาเซียน-เกาหลี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เป็นต้น และ5. เข้าร่วมหรือเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการการค้า(JTC) กับประเทศคู่ค้าเพื่อเป็นเวทีความร่วมมือและเจรจาลดปัญหาอุปสรรคทางการค้าของไทย เช่น สปป.ลาวกัมพูชา เมียนมา เวียดนาม สิงคโปร์ รัสเซีย บังคลาเทศ มัลดีฟส์ และโมซัมบิก เป็นต้น


ด้านที่ 2 การเสริมสร้างความรู้และความพร้อมรองรับการใช้ประโยชน์จากความตกลงFTA กรมฯจะสานต่อการทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร เช่น กรมส่งเสริมสหกรณ์สภาเกษตรกรแห่งชาติ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ เป็นต้นอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดสัมมนาเผยแพร่และสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่อง FTA  ตลอดจนลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ และผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความเข้าใจ และสร้างความตื่นตัวในการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ซึ่งในปี 2563 กรมฯ มีแผนการทำงาน ดังนี้ 1. ลงพื้นที่จัดสัมมนาและพบปะเกษตรกรในเครือข่ายของสภาเกษตรกรแห่งชาติเพื่อเพิ่มศักยภาพเกษตรกรไทยในยุคการค้าเสรี โดยเฉพาะในสินค้าที่พื้นที่มีศักยภาพโดยดำเนินการใน 6จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ นครสวรรค์ สงขลา ระยอง และอุตรดิตถ์ 2. ลงพื้นที่จัดสัมมนาและพบปะกลุ่มสหกรณ์ในเครือข่ายของกรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อเตรียมความพร้อมสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรีใน 4 จังหวัด ได้แก่ ตาก ชัยภูมิ ตราด และกระบี่ 3. ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงสินค้าศักยภาพ 3 จังหวัดชายแดนใต้สู่ตลาดโลกโดยจะดำเนินการที่จังหวัดปัตตานี และยะลา 4. โครงการจัดทัพโคนมไทยบุกตลาดต่างประเทศด้วย FTAเพื่อเตรียมความพร้อมเกษตรกรและผู้ประกอบการโคนมไทยรับมือการเปิดเสรีและ 5. การประกวดแผนธุรกิจของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ผ่านการอบรมให้ความรู้ในการทำแผนธุรกิจเพื่อส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยไปตลาดอาเซียน และจีน


ปัจจุบันไทยมี FTA 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้เปรู ชิลี อินเดีย ฮ่องกง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยในปี 2561 การค้าไทยกับ 18 ประเทศ มีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐขยายตัวจากปีก่อนหน้ากว่าร้อยละ 11 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของมูลค่าการค้าไทยกับโลก สำหรับช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 (มกราคม ตุลาคม) การค้าไทยกับ 18 ประเทศ FTA มีมูลค่า 253,898.1  ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62.4 ของมูลค่าการค้าไทยกับโลก  โดยไทยส่งออก 128,271.2  ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้า 125,626.9 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยเช่น  รถยนต์และส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับและน้ำมันสำเร็จรูป เป็นต้น สินค้านำเข้าสำคัญของไทย เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เป็นต้น


logoline