svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

วีรศักดิ์สั่งเร่งปิดดีลเจรจาเอฟทีเอที่ค้างคา

06 ธันวาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

วีรศักดิ์สั่งพาณิชย์เร่งปิดดีลเอฟทีเอที่ค้างอยู่และเปิดการเจรจาใหม่ๆ รวมทั้งเร่งขยายโอกาสส่งออกสินค้าเกษตร และเกษตรแปรรูปกับประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอ โดยจะนำทีมลุยลงพื้นที่ทั่วประเทศพบผู้ประกอบการและเกษตรกรชี้ช่องทางค้าขายด้วยตนเอง ประเดิมสินค้าโคขุนสมุนไพรดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี และสินค้าข้าว อ้อย มันสำปะหลัง จังหวัดบุรีรัมย์ ธันวาคมนี้

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยภายหลังเดินทางตรวจเยี่ยมกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 6ธันวาคม 2562 ว่า ตนได้มอบนโยบายให้กรมเจรจาฯ เร่งรัดจัดทำความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนของไทยทั้งผ่านการจัดประชุมคณะกรรมการการค้า (เจทีซี)เร่งหาข้อสรุปการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ)ที่ยังค้างอยู่และเปิดเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ คู่ขนานไปกับการลงพื้นที่สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้เกี่ยวข้องเช่น กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ เรื่องความตกลงเอฟทีเอและการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ

 

ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการการค้า (เจทีซี)จัดขึ้นปีละครั้ง โดยแต่ละประเทศจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพถือเป็นเวทีที่ไทยจะได้หารือความร่วมมือและแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้ากับประเทศคู่ค้าอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งในปี 2563ไทยมีแผนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจทีซีระดับรัฐมนตรีกับประเทศคู่ค้าหลายประเทศเช่น สปป.ลาว บังคลาเทศ เมียนมา เวียดนาม และสิงคโปร์ เป็นต้น รวมทั้งมีแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมเจทีซีที่ประเทศคู่ค้าจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเช่น มัลดีฟส์ เกาหลีใต้ รัสเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น เป็นต้นซึ่งตนได้มอบนโยบายให้กรมเจรจาฯ เร่งดำเนินการประชุมตามแผนที่ตั้งไว้รวมทั้งเร่งหาข้อสรุปการเจรจาเอฟทีเอกับตุรกี ศรีลังกา ปากีสถานที่ยังค้างอยู่และเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ เช่น ไทย-อียู ไทย-ยูเค ไทย-เอฟต้าและ CPTPP เป็นต้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและโอกาสในการขยายตลาดส่งออกให้กับสินค้าและบริการของไทยตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์

 

นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า กรมเจรจาฯได้เสนอแผนจะลงพื้นที่ให้ความรู้เรื่องประโยชน์ของเอฟทีเอกับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอและกระจายสินค้าไทยสู่ตลาดโลกโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปนั้น ตนจะร่วมลงพื้นที่พบปะพูดคุยรับฟังปัญหาจากเกษตรกรและผู้ประกอบการในท้องถิ่นด้วยโดยในเดือนธันวาคม 2562จะนำคณะลงพื้นที่พบปะเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนที่เลี้ยงโคขุนสมุนไพรดอนมดแดงรวมทั้งเยี่ยมชมศักยภาพการค้าของจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานีและพบปะเกษตรกรผู้ผลิตข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ในจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนในปี 2563มีแผนที่จะร่วมลงพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย เช่น นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ ตากชัยภูมิ ระยอง ตราด สงขลา และกระบี่ เป็นต้น

 

ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562  (ม.ค. ต.ค.) การค้าระหว่างประเทศไทยกับคู่ค้า 17 ประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ) ด้วย ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เปรู ชิลีออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยมีมูลค่าการค้ารวม 241,789.5 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น มูลค่าส่งออก 118,427.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่านำเข้า 123,362.4 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งประเทศคู่เอฟทีเอที่มีมูลค่าการค้ากับไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียนมีมูลค่าการค้า 90,737.4ล้านเหรียญสหรัฐ จีน มีมูลค่าการค้า 65,154.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้า 48,733.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ออสเตรเลีย มีมูลค่าการค้า12,224.5 ล้านเหรียญสหรัฐและเกาหลีใต้ มีมูลค่าการค้า 11,297.2 ล้านเหรียญสหรัฐ

logoline