ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกในช่วง 10 เดือนของปี2562 เพิ่มขึ้น ยังคงมาจากการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้นถึง 93.23%แม้ว่าเฉพาะเดือนต.ค.2562 การส่งออกทองคำจะชะลอตัวลง จากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงและนักลงทุนมีการเทขายทองคำออก และหันไปลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงแทนหลังจากที่ตลาดคลายความกังวลจากปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีนที่มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงทางการค้าและยังคลายความกังวลการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิต)ที่เลื่อนออกไปเป็น 31 ม.ค.2563
ทั้งนี้ หากดูเป็นรายสินค้าพลอยสียังคงเป็นสินค้าดาวรุ่ง การส่งออกเพิ่มขึ้น ทั้งพลอยก้อนพลอยเนื้อแข็งเจียระไน และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน โดยเพิ่มขึ้น 309.03% , 7.54% และ 14.36% ตามลำดับขณะที่เศษหรือของที่ใช้ ไม่ได้ทำด้วยโลหะมีค่า เพิ่มขึ้น 410.64% เครื่องประดับเทียมเพิ่ม 0.14% แต่เครื่องประดับแท้ ลด 8.66% เครื่องประดับเงิน ลด 21.71%เครื่องประดับทอง ลด 1.65% เครื่องประดับแพลทินัม ลด 3.72% เพชร ลด 7.90% เพชรก้อนลด 21.66% เพชรเจียระไนลด 6.86%
สำหรับตลาดส่งออก อาเซียน เพิ่มขึ้นสูงสุด198.03% จากการส่งออกไปสิงคโปร์และกัมพูชา เพิ่ม 306% และ 146% รองลงมา คืออินเดีย เพิ่ม 98.25% จากการส่งออกเพชรเจียระไน และพลอยได้เพิ่มขึ้นและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เพิ่ม 0.95%จากการส่งออกไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพิ่ม ส่วนฮ่องกง ตลาดอันดับ 1 ลด 3.82%เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและการประท้วง นักท่องเที่ยวลดทำให้ร้านค้าปลีกหลายรายปิดตัวลง สหภาพยุโรป ลด 3.54% สหรัฐฯ ลด 7.61%จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ญี่ปุ่น ลด 6.54% จากการส่งออกลดลง จีนลด 13.31%เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ชาวจีนลดซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกลด 23.33% รัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช ลด 65.74%
สำหรับการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2562ผู้ประกอบการไทยยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงที่จะกดดันการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยอยู่หลายประเด็นโดยเฉพาะผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้า และเบร็กซิตเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่นำไปสู่การตอบโต้ทางเศรษฐกิจรวมถึงค่าเงินบาทที่จะยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าซึ่งกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกของไทย