ทั้งนี้ กรมฯได้นำเสนอหัวข้อการเจรจาที่คาดว่าจะปรากฏในการทำเอฟทีเอกับอียูและที่ปรากฏอยู่แล้วในความตกลงซีพีทีพีพี เช่น เรื่องการค้าสินค้า การค้าบริการการลงทุน พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้ามาตรการเยียวยาทางการค้า มาตรการปกป้อง มาตรการสุขอนามัย อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า การระงับข้อพิพาททรัพย์สินทางปัญญา การแข่งขัน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐรัฐวิสาหกิจ ความโปร่งใส การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน และความร่วมมือ เป็นต้นซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมฯ ได้แสดงความเห็น และข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ เช่นเห็นว่ากรอบเจรจาที่จะจัดทำควรสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายการพัฒนาประเทศของไทย ควรให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตลอดจนไม่ส่งผลกระทบหลักประกันสุขภาพของประชาชน รวมทั้งควรให้รัฐยังคงมีอิสระในการกำหนดนโยบายเพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นต้น
นางอรมน กล่าวว่า หลังจากนี้ กรมฯจะนำความเห็นที่ได้ไปประมวลรวมกับผลการศึกษาเรื่องประโยชน์และผลกระทบของการฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียูและผลการวิจัยเรื่องการเข้าร่วมความตกลงซีพีทีพีพี ของไทยตลอดจนผลการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสียทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพื่อจัดทำข้อมูล และยกร่างกรอบเจรจาเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) และคณะรัฐมนตรีพิจารณาตัดสินใจการฟื้นการเจรจา เอฟทีเอไทย-อียู และการเข้าร่วมความตกลงซีพีทีพีพี ของไทยต่อไปซึ่งคาดว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จ พร้อมเสนอต่อ กนศ. ภายในเดือนธันวาคมนี้