svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

พาณิชย์ แจง ใช้ทุกมาตรการพยุงราคาข้าว!

27 พฤศจิกายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"พาณิชย์" ยันรัฐบาลเดินหน้ารักษาเสถียรภาพราคาข้าวคู่ขนานกับการประกันรายได้ พร้อมเร่งดูดซับผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด เตือนหากพบเห็นโกงราคาซื้อขายข้าวชาวนาแจ้งสายด่วน 1569

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายในเปิดเผยว่า จากกรณีที่เกษตรกรชาวนาใน อ.ทับคล้อ จ.พิจิตรเรียกร้องทางราชการหามาตรการช่วยเหลือและพยุงราคาให้สูงขึ้นนั้น กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ ขอแจ้งว่า มาตรการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรได้รับรายได้ให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตโดยพิจารณาจากต้นทุนการผลิตข้าวเปลือกแต่ละชนิดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บวกด้วยค่าขนส่งไปจำหน่ายและกำไรที่เหมาะสม 
ซึ่งควรจะได้รับเพื่อเป็นการประกันความเสี่ยงให้เกษตรกร ซึ่งเป็นราคาความชื้นไม่เกิน 15% ณหน้าโรงสี ตามคุณภาพมาตรฐาน เพื่อใช้กับเกษตรกรทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงว่าจะปลูกเพื่อจำหน่ายบริโภค หรือทำพันธุ์ ผลผลิตเสียหายหรือไม่ เก็บเกี่ยวจริงเมื่อใดได้ผลผลิตมากน้อยเพียงใด ก็จะได้สิทธิ์ตามที่ขึ้นทะเบียน แต่ไม่เกินที่โครงการฯกำหนด
ทั้งนี้ การได้รับสิทธิของเกษตรกรกำหนดให้เกษตรกรได้รับสิทธิ์ในช่วงที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวตามทะเบียนเกษตรกรการคำนวณเกณฑ์กลางอ้างอิงใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 15 วันทำการ จากแหล่งต่างๆ ดังนี้
1.ราคาขายส่งข้าวสารและผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของกรมการค้าภายในและสมาคมโรงสีข้าวไทยคำนวณเป็นราคาข้าวเปลือก
2.ราคาข้าวเปลือกจากการสำรวจของกรมการค้าภายใน 
3. ราคาข้าวเปลือกของสมาคมโรงสีข้าวไทยเช่น ในการประกาศราคางวดที่ 3 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562ที่ผ่านมาเกษตรกรผู้ได้รับสิทธิ์ คือ ผู้ที่แจ้งเก็บเกี่ยวในช่วงวันที่ 1 15 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งราคาข้าวเปลือกหอมมะลิเฉลี่ยย้อนหลัง 15วันทำการ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่าราคาประกันรายได้


อย่างไรก็ตามตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2562เป็นต้นมาราคาข้าวเปลือกหอมมะลิมีราคาอ่อนตัวลงเนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตออกมากประกอบกับในหลายพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง อุทกภัยและโรคไหม้คอรวง โดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่างส่งผลให้จำหน่ายได้ในราคาต่ำกว่าราคามาตรฐานทั่วไป ข้าวในแต่ละแปลงสุกไม่เสมอกันมีความชื้นสูงต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการอบแห้งมากกว่าปกติ 
ดังนั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการคู่ขนานกับการประกันรายได้ โดยเร่งให้มีการดูดซับผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด เป้าหมาย 6.5 ล้านตันและจูงใจให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเก็บข้าวไว้ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 กุมภาพันธ์ 2563
และเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2562คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)ได้มีมติเห็นชอบกรอบการขอใช้เงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2563 วงเงิน 2,572.5 ล้านบาท ดังนี้ 1.โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก โดยให้สินเชื่อเกษตรกร และสถาบันเกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง เป้าหมาย 1 ล้านตันข้าวเปลือก โดยให้ค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บตันละ 1,500 บาท วงเงิน1,500 ล้านบาท กรณีเข้าร่วมผ่านสถาบันเกษตรกร เกษตรกรได้รับ 500 บาทสถาบันเกษตรกรได้รับ 1,000 บาท  2.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโดยสถาบันเกษตรกรโดยสนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป  


โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับชดเชยดอกเบี้ยในร้อยละ 3 ต่อปี วงเงิน 562.5 ล้านบาทเป้าหมาย 1.5 ล้านตัน 3.โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกเป้าหมายให้ผู้ประกอบการค้าข้าว  ที่เข้าร่วมโครงการฯ รับซื้อข้าวเปลือกของเกษตรกรแล้วเก็บเป็นระยะเวลา 26เดือน โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 วงเงิน 510ล้านบาท เป้าหมาย 4 ล้านตัน นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อเร่งรัดให้มีการส่งออกเพิ่มทั้งในรูปรัฐต่อรัฐ(G to G) และเอกชนกับเอกชนที่จะช่วยพยุงราคาข้าวได้ระดับหนึ่งอธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนการดูแลให้ความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวเปลือกกรมการค้าภายในได้มอบหมายให้สำนักงานชั่งตวงวัดและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเข้มงวดกวดขันในการกำกับดูแลตรวจสอบการชั่งเครื่องวัดความชื้น การหักน้ำหนักสิ่งเจือปน และการปิดป้ายแสดงราคา ณจุดรับซื้อของผู้ประกอบการทุกราย โดยได้มีการสุ่มตรวจสอบอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดหากเกษตรกรพบว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือถูกเอารัดเอาเปรียบ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน1569 ตลอด 24 ชั่วโมง

logoline