ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562ตลาดที่ไทยส่งออกโดยมีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงเอฟทีเอ สูงสุด5 อันดับแรกยังคงเป็น อาเซียน มูลค่า 18,680.23 ล้านดอลลาร์ จีน มูลค่า 13,757.61 ล้านดอลลาร์ ออสเตรเลีย มูลค่า6,030.61 ล้านดอลลาร์ ญี่ปุ่น มูลค่า 5,724.62 ล้านดอลลาร์ และอินเดีย มูลค่า3,345.33 ล้านดอลลาร์ และเมื่อพิจารณาอัตราการขยายตัวของมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯพบว่า เปรู มีอัตราการขยายตัวสูงสุดอยู่ที่ 24.65% รองลงมาคือ นิวซีแลนด์มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 4.96% และ จีน มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 4.33%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯภายใต้เอฟทีเอในภาพรวมจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาแต่ยังมีตลาดศักยภาพในการส่งออกที่มีการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ขยายตัวดีอย่างต่อเนื่องได้แก่ เปรู ขยายตัวที่ 24.65% มีการส่งออกเพิ่มขึ้นในสินค้า เช่นถุงมือใช้ในทางศัลยกรรม รถจักรยานยนต์ความจุกระบอกสูบ 250-500 ลบ.ซม.เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องครัว เป็นต้น
นิวซีแลนด์ ขยายตัวที่ 4.96%มีการส่งออกเพิ่มขึ้นในสินค้า เช่น เครื่องประดับที่ทำจากเงินสิ่งก่อสร้างและส่วนประกอบอื่นๆ แผ่นฟิล์มทำด้วยพลาสติก เป็นต้น จีน ขยายตัวที่4.33% มีการส่งออกเพิ่มขึ้นในสินค้า เช่น ทุเรียนสดผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ ผลไม้ประเภทฝรั่ง มะม่วงและมังคุดสดหรือแห้ง เป็นต้น ญี่ปุ่น ขยายตัวที่ 2.37%มีการส่งออกเพิ่มขึ้นในสินค้า เช่น ปลาแมคเคอเรล ไก่ปรุงแต่ง กุ้งปรุงแต่ง เป็นต้นและอินเดีย ขยายตัวที่ 0.48% มีการส่งออกเพิ่มขึ้นในสินค้า เช่นเครื่องฉายและมอนิเตอร์ ลวดทองแดงเจือ น้ำมันดิบ เป็นต้นสำหรับตลาดที่มีการใช้สิทธิเอฟทีเอลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย ชิลี และเกาหลี