"เดือนต.ค. แม้จะมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่ลดลงแต่มูลค่าการลงทุนสูงถึง 98,509 ล้านบาท เพราะมีการจัดตั้งธุรกิจขนาดใหญ่และการตั้งธุรกิจสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบายการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ของรัฐบาล"
สำหรับรายละเอียดของบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนสูงคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีการควบรวมกิจการนิติบุคคล 12 รายเหลือรายเดียว มูลค่าทุน71,665 ล้านบาท บริษัทแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน 1 ราย มูลค่าทุน 1,281 ล้านบาทและตั้งบริษัทจำกัด 1 ราย มูลค่าทุน 1,000 ล้านบาท และยังมีธุรกิจในพื้นที่อีอีซีคือ การขนส่งทางรางและพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน 1 ราย สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา มูลค่าทุน 4,000 ล้านบาทและธุรกิจสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือ มี 1 รายที่มีมูลค่าทุน 1,000 ล้านบาทและอีก 1 ราย มูลค่าทุน 3,500 ล้านบาท ทำธุรกิจสำหรับโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด
ส่วนธุรกิจเลิกกิจการเดือนต.ค.2562มีจำนวน 2,116 ราย เทียบกับก.ย.2562 เพิ่มขึ้น 9% และเทียบกับต.ค.2561 เพิ่มขึ้น2% โดยธุรกิจเลิกกิจการ 3 อันดับแรก ยังสอดคล้องกับธุรกิจจัดตั้งใหม่ คือธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารเพราะตั้งมาก ก็เลิกมาก เป็นปกติของการทำธุรกิจ โดยมีทุนจดทะเบียนเลิก 8,050ล้านบาท เมื่อเทียบกับก.ย.2562 ลดลง 48% เทียบต.ค.2561 ลดลง 20%
ทั้งนี้ยอดรวมบริษัทตั้งใหม่ในช่วง 10 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ต.ค.) มีจำนวน 63,359 รายเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 1% มีทุนจดทะเบียนรวม 284,618 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9% ส่วนบริษัทเลิกกิจการ มีจำนวน 14,070 ราย เพิ่มขึ้น 2%ทุนจดทะเบียนเลิก 82,959 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%
นางโสรดากล่าวว่าแนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ เริ่มขยายตัวไปยังพื้นที่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ตามการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐทั้งการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุดรวมถึงการดึงดูดการลงทุนเข้ามาในอีอีซี ทำให้มีธุรกิจตั้งใหม่เพื่อรองรับเพิ่มมากขึ้น
ทางด้านคาดการณ์การตั้งบริษัทใหม่ทั้งปี2562 คาดว่า ยอดรวมจะทำได้ประมาณ 7.2-7.6 หมื่นรายโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 1.25% และธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากลงทำให้เกิดแรงกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภค การลงทุนของภาคเอกชนและการดึงดูดการลงทุนในอีอีซีซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยทำให้มีการตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น