svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"พระมหาไพรวัลย์" พ้อเหนื่อยใจ เจอชาวเน็ตตำหนิอวดรู้ ปมพระตุ๊ด

25 พฤศจิกายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก เมื่อ "ครูธัญ ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ 1 ใน 4 ส.ส. LGBT ได้โพสต์ภาพตัวเองยืนคู่กับภาพวาดพระสงฆ์แต่งหน้า ในนิทรรศการ Spectrosynthesis 2 นิทรรศการที่สะท้อนประเด็นเกี่ยวกับผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ

ต่อมา พระมหาไพรวัลย์ วรรณบุตรแห่งวัดสร้อยทอง พระอารามหลวง ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า

"พระมหาไพรวัลย์" พ้อเหนื่อยใจ เจอชาวเน็ตตำหนิอวดรู้ ปมพระตุ๊ด



เข้าใจให้ถูกต้อง ก็ไม่ต้องดราม่า

ที่จริงก่อนที่จะมีคำถามว่า พระตุ๊ดผิดหรือไม่ผิดตรงไหน หากมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของการบวชก็ควรต้องแสวงหาความรู้ในกฎเกณฑ์และข้อบัญญัติซึ่งเกี่ยวข้องกับการบวชให้ชัดเจนเสียก่อน อาตมาว่า ถ้าแสวงหาความรู้ที่ชัดเจนแล้ว คำถามแบบนี้ก็จะไม่เกิด

ในข้อพระวินัย มีการอธิบายเกี่ยวกับคำว่าบัณเฑาะก์ไว้ชัดเจนมาก ว่าหมายถึงบุคคลประเภทไหน บัณเฑาะก์อย่างไรห้ามการบวช บัณเฑาะก์อย่างไรไม่ห้าม

เวลาตั้งคำถามต่อเรื่องพวกนี้ ต้องกลับไปดูคำที่ใช้ในข้อพระวินัย ไม่ใช่เอาคำไทยเป็นที่ตั้ง พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ห้าม ตุ๊ด เกย์ ไม่ให้บวชนะ ท่านใช้คำว่าบัณเฑาะก์ ซึ่งเป็นคำที่มีคำอธิบายมากกว่าแค่เรื่องของเพศสภาพแบบที่สังคมเราเข้าใจกัน บัณเฑาะก์ในทางพระวินัย หมายถึงบุคคลที่มีความบกพร่องทางเพศด้วย เช่น คนที่มีอวัยวะเพศไม่ปรากฎ

"พระมหาไพรวัลย์" พ้อเหนื่อยใจ เจอชาวเน็ตตำหนิอวดรู้ ปมพระตุ๊ด



บวชนะบวชได้แน่ แต่การบวชไม่ใช่แค่เรื่องว่าการผิดหรือไม่ผิด เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมของเพศสภาพ พฤติกรรมเสียหายและละเมิดพระวินัยหลังบวชต่างหากที่สำคัญ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเพศสภาพนะ

การอยู่ในสังฆะ มีระเบียบและกฎเกณฑ์ที่จะต้องถือปฎิบัติร่วมกันในสังฆะ ไม่ใช่แค่อ้างสิทธิ์ในการบวชแล้วจะเข้ามาทำอะไรก็ได้

ทุกวันนี้เราก็เห็นปัญหาอยู่ ไม่ใช่บวชแล้ว จะทาปากแดงเพื่อยืนยันสิทธิในการทาปากของตัวเองก็ได้ ไม่ใช่บวชแล้วจะกรีดตาเขียนคิ้ว เพื่อยืนยันสิทธิในการกรีดตาเขียนคิ้วของตัวเองก็ได้ ไม่ใช่บวชแล้วจะแต่งหน้าทำนม เพื่อยืนยันสิทธิในการแต่งหน้าทำนมของตัวเองยังไงก็ได้ ถ้าแบบนี้ พระศาสนาก็อยู่ไม่รอด ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความปสาทะเลื่อมใส

อาตมาว่าสังคมสงฆ์ทุกวันนี้ใจกว้างมากเลยนะ หากดูจากข่าวที่พระซึ่งประพฤติตัวไม่เหมาะสมในการแสดงออกทางเพศ แต่แน่นอนแหล่ะ เมื่อเข้ามาบวชแล้ว ความพระเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องของเพศสภาพ

อาตมาเห็นพระรูปหนึ่ง เป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก ท่านเคยเป็นถึงนางงามเพศที่ ๓ แต่พอท่านตัดสินใจจะเข้ามาบวช ท่านก็ไปเอานมออก แล้วท่านก็ประพฤติตนสำรวมดีมาก อาตมายังนับถือเลย ถ้าแบบนี้ก็ไม่เป็นปัญหา และสังฆะท่านก็ยอมรับ

ล่าสุดพระมหาไพรวัลย์ ได้โพสต์ข้อความอีกครั้ง โดยได้เผยว่าถูกเจอเปรียญ ๑๐ ประโยคโพสต์เฟซตำหนิว่าตนรู้ดี โดยมีรายละเอียดว่า...
เจอเปรียญ ๑๐ ประโยค เต็มเฟซบุ๊กไปหมด หาว่าเรารู้ดีว่าพระพุทธเจ้า เรื่องห้ามบัณเฑาะก์บวช พอยกคำอธิบายความพระวินัยในสมันตปาสาทิกามาให้อ่านว่า ท่านไม่ได้ห้ามทั้งหมดนะ ดูให้ดี ศึกษาให้ละเอียดก่อน

แหน่ะ ก็ยังมีเปรียญ ๑๐ มาแย้งอีกว่า ในอรรถกถาท่านบอกว่า บรรพชาได้ก็จริง แต่นั่นหมายถึง ให้บวชเณรแต่ไม่ให้บวชพระ

(อ่านพระไตรปิฎกภาษาไทย ก็เลยไม่เข้าใจว่า ในคัมภีร์พระวินัย ท่านใช้คำบาลีว่า ปพฺพาเชตพฺโพ ปพฺพาเชตฺวา คือบรรพชา เป็นพื้น ทั้งการบวชพระและบวชเณร ไม่ได้แยกส่วนแบบที่พุทธไทยเราคุ้นเคยและนำมาใช้)

นี่ก็เลยต้องยกข้อความในคัมภีร์วิมติวิโนทนีในฎีกามาให้ดูอีก พระฎีกาจารย์เขียนไว้ชัดเจนว่า "...ปพฺพชฺชา น วาริตาติ เอตฺถ ปพฺพชฺชาคหเณเนว อุปสมฺปทาปิ คหิตา..." คือในคำว่า ไม่ห้ามการบรรพชานั้น ท่านหมายถึงแม้แต่การอุปสมบท

เฮ้อ เหนื่อยใจ ตกลงไม่รู้ว่า อาตมารู้ดี อาตมาอวดรู้ หรือคนพุทธส่วนใหญ่ไม่ศึกษาไม่แสวงหาความรู้ให้ถี่ถ้วนกันแน่

logoline