ย้อนไปในสมัยรัชกาลที่ 5 ยังไม่มีย่านวัยรุ่นอย่าง "สยามพารากอน" บริเวณถนนบำรุงเมือง คือ แหล่งรวมสินค้าทันสมัยและสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ในขณะที่ "แพร่งภูธร" หลังกระทรวงกลาโหม ก็เต็มไปด้วยตลาดสดและร้านอาหาร ซึ่งเปิดขึ้นเพื่อรองรับบรรดาข้าราชการตามหน่วยงานต่างๆ ที่รายล้อมอยู่ในบริเวณนั้น
ต่อมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า "ยุคเสื่อผืนหมอนใบ" ชาวจีนแคะก็ได้อพยพเข้ามาอาศัยในแพร่งภูธรมากขึ้น โดยพวกผู้ชายต่างพากันเปิดบ้านเป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อโหล ฝ่ายภรรยาก็เปิดร้านขายอาหารจีนแคะ จนทำให้แพร่งภูธรกลายเป็นแหล่งรวมร้านอาหารอร่อยแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
เทศกาลศิลปะชุมชน สามแพร่ง facestreet Love Forever ประกอบด้วยทั้งสามแพร่ง ทั้งแพร่งภูธร แพร่งนรา และแพร่งสรรพสาตร์ ภายในเทศกาลศิลปะนี้มีเวิร์กชอปศิลปะกลางใจชุมชน Homemade Art Workshop
ไอเดีย คือ การทำให้ "สามแพร่ง" ร่วมสมัยด้วยการใช้พื้นที่สำหรับการทำเวิร์กชอปศิลปะ ผูกโยงผู้คนและชุมชน ทำให้ชุมชนมีชีวิตและแบ่งปันคุณค่ากับผู้คนในสังคม โดยในปีนี้ชาวชุมชนทั้งสามแพร่งได้เข้ามามีส่วนร่วมเปิดครัว เปิดบ้านให้ผู้คนเข้ามาทำเวิร์กชอป
ย่านสามแพร่งนี้ ในอดีตเคยเป็นวังที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ อันประกอบไปด้วย...
"แพร่งนารา" หรือในอดีตคือ "วังวรวรรณ" ซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ต่อมาได้มีการเวียนคืนที่ดิน ซึ่งปัจจุบันคงเหลือเพียงพระตำหนักไม้เก่าหลังเล็ก ที่แต่เดิมเป็นที่ตั้งของโรงละครปรีดาลัย ซึ่งต่อมาถูกปรับให้เป็นโรงเรียนตะละภัฏศึกษา ซึ่งชื่อแพร่งนรานี้เป็นชื่อที่คนทั่วไปเรียกตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ผู้เป็นเจ้าของวังเดิมนั้นเอง
#วชิรวิทย์ #วชิรวิทย์รายวัน #Vajiravit #VajiravitDaily #NationTV #NationTV
อ้างอิงwww.tcdc.or.thwww.museumthailand.com