svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ไตรมาส4 เศรษฐกิจโงหัว ตั้งเป้า GDP ปี 63 โต 2.7-3.7%

22 พฤศจิกายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ถกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ไตรมาส 4 พร้อมกำหนดเป้าหมาย GDP ปี 2563 ให้โตที่ 2.7 - 3.7% และรับมือความผันผวนต่างๆ ไม่ว่าจะ สงครามการค้า หรือ Brexit และอื่นๆ

วันนี้ (22 พ.ย. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กรรมการและเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ เปิดเผยผลการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ว่า  ครม.เศรษฐกิจรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สาม ของปี 2562 ที่ประกาศในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สาม มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 2.4% และไตรมาส 4 คาดว่าขยายตัว 2.8% ทั้งปีขยายตัว 2.6%  โดยไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ GDP ขยายตัวเร่งขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่สอง ซึ่งประกอบด้วยประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไทย และสิงคโปร์ ทั้งนี้ มีหลายประเทศที่ GDP ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง คือสหรัฐฯ จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ขณะที่ยูโรโซนกับเกาหลีใต้ อยู่ในกลุ่มประเทศที่ GDP ขยายตัวต่อเนื่องเท่าๆ เดิม

ไตรมาส4 เศรษฐกิจโงหัว ตั้งเป้า GDP ปี 63 โต 2.7-3.7%

นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ครม.เศรษฐกิจ รับทราบภาวะเศรษฐกิจในประเด็นต่างๆ โดยเป็นครั้งแรกในรอบหลายไตรมาสที่ผ่านมา ที่ตัวเลขของเศรษฐกิจปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ถ้าดูตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อปีที่แล้วเริ่มจากประมาณ 5.0 แล้วทยอยลดลงมา ในสามไตรมาสที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 3.6 ลงมาที่ 2.8 และ 2.3 ซึ่งการที่ประเทศไทยสามารถดูแลให้เศรษฐกิจเริ่มกลับมาปรับตัวดีขึ้นอีกเล็กน้อย ถือเป็นความสำเร็จเป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องขับเคลื่อนกันต่อไป และคาดว่าเมื่อดูประมาณการในไตรมาสที่สี่ ก็น่าจะดีกว่าไตรมาสที่สาม จะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงที่ปรับดีขึ้นจากเดิม เริ่มทรงตัวได้  และในช่วงถัดไปเมื่อไตรมาสที่สี่ขับเคลื่อนได้ดีกว่านี้ ก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่น การจับจ่ายใช้สอย และการขับเคลื่อนการลงทุนภายในประเทศต่อไป

ไตรมาส4 เศรษฐกิจโงหัว ตั้งเป้า GDP ปี 63 โต 2.7-3.7%

ครม.เศรษฐกิจ ได้หารือถึงประเด็นต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในเศรษฐกิจโลก ที่ในขณะนี้เศรษฐกิจโลกยังมีการชะลอตัวอีกระยะเวลาหนึ่ง ปกติเวลาที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ช่วงขาลง จะเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 -3 ปี เราเดินมาได้ประมาณเกือบ 1 ปีครึ่งแล้ว ทั้งนี้ จะได้เห็นถึงแรงกดดันที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยต่อไป รวมถึงเรื่องความผันผวนต่างๆ เช่น สงครามทางการค้า Brexit และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในแผนที่โลกขณะนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อการส่งออกของไทย รวมทั้งกดดันต่อการขยายตัวของไทยในช่วงต่อไป ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจของปี 2563 จากเดิม 3 - 4% ลงมาอยู่ที่ 2.7 - 3.7%

ไตรมาส4 เศรษฐกิจโงหัว ตั้งเป้า GDP ปี 63 โต 2.7-3.7%

พร้อมกับ ครม. เศรษฐกิจ ได้หารือถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงเวลาประมาณ 5 สัปดาห์ที่เหลือของปี 2562 รวมทั้งการกำหนดเป้าหมายสำหรับปี 2563 ที่จะดำเนินการในช่วงถัดไป โดยองค์ประกอบของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามปี 2562 มีองค์ประกอบของเศรษฐกิจหลายอย่างที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนที่ยังเป็นปัญหาอยู่คือการบริโภคภาคเอกชน การก่อสร้าง การไฟฟ้า ก๊าซ อสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับแรงกดดัน ขณะเดียวกัน การส่งออก และการผลิตอุตสาหกรรม ยังเป็นสาขาที่มีปัญหาอยู่ ซึ่ง ครม.เศรษฐกิจ ได้เห็นปัญหานี้และสั่งการให้ไปติดตามเรื่องการผลิตอุตสาหกรรม รวมทั้งให้ไปสร้างความเชื่อมั่นการบริโภคด้วย

สำหรับการประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ได้ตั้งเป้า GDP อยู่ที่ 2.7 - 3.7% แต่อาจจะลดลงเล็กน้อยเพราะเศรษฐกิจโลกยังมีแรงต้านอีกมาก จึงได้มีการกำหนดเป้าหมายร่วมกันซึ่งเป็นการปรับเป้าหมายเดิมที่เคยกำหนดไว้ โดยได้มีแนวทางบริหารจัดการเศรษฐกิจในปี 2563 รวม 5 ด้าน ประกอบด้วย 1. การดูแลเกษตรกร กำลังแรงงาน ผู้มีรายได้น้อย SMEs และเศรษฐกิจฐานราก 2. การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ 3. การขับเคลื่อนการส่งออกให้ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3.0 ในปี 2563  4. การสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่ได้กำหนดเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2563 จำนวน 41.8 ล้านบาท และ 5. การสร้างความเชื่อมั่นและการสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน

ไตรมาส4 เศรษฐกิจโงหัว ตั้งเป้า GDP ปี 63 โต 2.7-3.7%

ครม.เศรษฐกิจ ยังได้หารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนเรื่องนโยบายการเงิน - การคลัง และนโยบายแต่ละด้าน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดูแลเรื่องผู้ส่งออก โรงสีข้าว อ้อย กุ้ง และเรื่องภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น โดยให้มีการวางแผนเตรียมการเรื่องน้ำเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในปีหน้า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการหาแนวทางขับเคลื่อนการลงทุนภายในประเทศ โดยนายกฯ มอบหมาย BOI ไปหาแนวทางเพิ่มเติมในการส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศต่อไป

logoline